มิได้ต้องการขัดคอนะครับ ต้องขออภัย แต่รู้สึกว่าน่าจะพูดถึงข้อมูลที่มีความเป็นไปได้เอาไว้ด้วย เพื่อพิจารณาตามวิจารณญาน
เท่าที่ผมทราบมานั้น การทำโมเสกบังบางส่วนของวิดีโอ จะใช้โปรแกรมตัดต่อที่มีปลั้กอินเสริม แล้วทำการซีเล็คจุดที่ต้องการบังนั้นที่เฟรมใดเฟรมหนึ่ง คล้ายๆ การไดคัทในโฟโตช็อป จากนั้นใช้คุณสมบัติของโปรแกรมคำนวนค่าที่ซ้ำเพื่อทำการไดคัทส่วนที่เหลือโดยไม่ต้องทำทุกเฟรม เดี๋ยวนี้การทำแทร็กโมชั่นกับดิจิตอลวิดีโอนั้น เป็นเรื่องหมูๆ อีกประการ เนื่องจากไม่ต้องการขอบภาพที่แม่นยำนัก จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญอะไร และการไดคัทก็มักจะให้ใหญ่กว่าวัตถุนิดหน่อย จากนั้นก็ใส่โมเสกแล้วเรนเดอร์ เป็นอันจบเกม
การทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะในวงการโทรทัศน์บ้านเราก็ทำอยู่ เช่น เวลาต้องการบังใบหน้าของเหยื่อในคลิปข่าว เป็นต้น ซึ่งมีความแม่นยำดีทีเดียว
การแคปวิดีโอเป็นภาพนิ่งแล้วแก้ทีละภาพนั้น น่าจะเป็นจินตนาการล้วนๆ เพราะองค์กรด้านจริยธรรมที่รับงานเซนเซอร์วิดีโอผู้ใหญ่ของญี่ปุ่นนั้น ไม่น่าจะมีทุนมากพอที่จะซื้อหาเครื่องมือมาจับภาพหรือแยกเฟรมได้ ส่วนการนำภาพไปรวมเป็นวิดีโออีกครั้ง ก็ต้องใช้เครื่องมือเรนเดอร์สำหรับทำแอนนิเมชัน ซึ่งไม่มั่นใจว่าจะมีใช้อยู่หรือเปล่า โดยยังไม่ได้พูดถึงขนาดของสตอเรจในการใช้เก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล
ในการทำแอนนิเมชันเมื่อก่อนญี่ปุ่นใช้วาดเซลแล้วถ่ายทีละเซลเอาไปรวมเป็นภาพเคลื่อน จำนวนเฟรมเรตน้อย ภาพไม่สมูธนัก แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นใช้คอมพิวเตอร์ และใช้การเขียนสคริปในโปรแกรม เพื่อการแซมปลิ้งอะไรต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างให้ครบเฟรมเรท อาศัยข้อมูลสุ่มและข้อมูลซ้ำ รวมทั้งแอนนิเมชันยังไม่จำเป็นต้องใช้เฟรมเรตสูง สามารถใช้เฟรมซ้ำๆ หรือสร้างภาพที่แทบไม่เคลื่อนไหว อารมณ์เหมือนอ่านหนังสือการ์ตูน แต่ภาพยนตร์นั้นมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ต้นทุนที่จะทำแบบนี้จะต้องสูงมาก และจะใช้เวลานานมาก
ระบบวิดีโอของญี่ปุ่นนั้นเป็นระบบ NTSC ใน 1 วินาทีมีเฟรมเรทถึง 29.9 เฟรม แต่ละเฟรมมี 2 ฟิลด์ หากจะต้องมารีทัชภาพนิ่งทีละภาพ จะต้องแคปภาพมาถึง 29.9 คูณด้วย 2 ยิ่งในปัจจุบัน ญี่ปุ่นต้องการขายในแบบบลูเรย์ ซึ่งจำนวนเฟรมเรทย่อมจะสูงขึ้นอย่างมากมายเหลือคณานับ ถ้าต้องมาแก้ทีละฟิลด์ กว่าจะได้สักเรื่องคงแก่ตายซะก่อน ถ้าเราสังเกตดูบล็อกของโมเสกนั้นจะไม่เคลื่อน ถ้าเราทำทีละเฟรม ไม่มีทางที่เราจะกำหนดลายบล็อกของโมเสกให้ตรงกันทุกภาพได้เลย
ต่อข้อสงสัยที่ว่ามีบริษัทรับทำในประเทศไทยหรือไม่ ย่อมเกินกว่าความรับรู้ของสังคม เพราะการกระทำดังว่าในประเทศไทย ย่อมต้องมีการครอบครองวัสดุสื่อลามกเพื่อการจำหน่ายจ่ายแจก แม้ว่าจะไปจำหน่ายจ่ายแจกในประเทศญี่ปุ่น แต่กฏหมายดูที่เจตนา เมื่อมาทำในไทยโดยมีเจตนาว่าต่อไปจะจำหน่ายจ่ายแจกนั้น ก็ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จ บริษัทลักษณะนี้จึงถือว่าเป็นธุกิจใต้ดิน หรือธุรกิจมืด หากถูกจับได้ จะต้องถูกยึดทุกสิ่งอย่าง รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานก็จะมีความผิดทางอาญาด้วย ก็ไม่มั่นใจนักว่า จะเสี่ยงไหวหรือไม่ อาจจะมีก็ได้ แต่ขอให้เข้าใจว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อมีการชี้เป้าไปที่บริษัทชื่อนี้ซึ่งทราบว่าเป็นบริษัทที่ลงทุนโดยชาวญี่ปุ่น ก็อาจเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งจะต้องถูกทลาย ด้วยว่าอาจจะอุดปากไม่ครบก็เป็นได้ เสี่ยงนะเนี่ย คนทำก็น่าจะหายาก งานมันซ้ำซาก น่าเบื่อ จ้องมองคอมอยู่ชั่วโมงเดียวก็ล้าแล้ว ไม่น่าจะมีใครทนได้
ส่วนประเด็นของกระทู้นี้ที่ว่า คนทำเขาจะไม่เก็บไว้ดูเองหรือ เรื่องอย่างนี้ยากจะบอก แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครอยากโดนตื้บ และดังที่ท่านอื่นๆ ได้กล่าวไว้แล้ว มันน่าจะมีระบบที่รัดกุมทีเดียว คิดว่าเขาไม่ได้กลัวภาพจริงรั่วไหล เขากลัวโดนรวบเข้าซังเตมากกว่า เพราะวิดีโอที่ยังไม่เซ็นเซอร์นั้น ผิดกฎหมายญี่ปุ่นเต็มเปาทีเดียว
ขอบคุณที่ช่วยธิบาย เชิงเทคนิคและทฤษฏี
ไอ้ที่ผมไม่เห็นด้วยแบบสุด ๆ ก็เรื่องทำเซนเซอร์ทีละเฟรมนั่นหละครับ มันนั่งเทียนเขียน
โปรแกรมพวกการตัดต่อ VDO และพวกงานคอมโพสิชั่นทั้งหลาย เดี๋ยวนี้มันง่ายขนาดกำหนดจุดพิกเซลให้มันแทรคกิ้งตามอย่างที่ท่านบอกนั่นแหละครับ