พฤษภาคม 17, 2024, 03:06:51 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: AVC เปิดเฟสและโซเชี่ยลใหม่ เพื่อนๆช่วยกดไลค์ติดตามด้วย
เวบเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว ท่านสามารถช่วยเหลือเวบได้โดยสมัคร VIP (ตลอดชีพ) อ่านคอมเมนท์จากผู้ใช้งานจริง ที่นี่
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: กระทู้สาระ 1 : มาดื่มน้ำกันนะเคอะ  (อ่าน 2673 ครั้ง)
Vice President AVC
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2480



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 05:48:54 PM »

**** คำเตือน อย่าพึ่งเชื่อโดยปราศจากข้อมูลยืนยันนะครับ อันนี้แค่ได้รับ Fw มา แต่ก็น่าจะเป็นจริงตามเขาว่า

เพื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการ เป็นหมออยู่ที่ไหนครับ
ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ
เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะ ยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า
ดื่ม ระหว่างทานข้าว ดื่ม ก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติ ดื่มอะไร เช่น น้ำ เปล่า น้ำอัด ลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เรา เฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ
พร้อม ที่จะรู้ความผิดของ
ตัวเอง หรือยังครับ

ข้อหนึ่งนั้น เป็น ความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่าง ต่างมีทั้งคุณและโทษ
ต้องหา จุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่ม มากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ
เดี๋ยว ผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน

ข้อสอง คิดว่า ทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่า คนเรา วันหนึ่ง
ควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ
ผมจะ อธิบายให้ฟังว่า น้ำใน ร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่ เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
ส่วนน้ำ จะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทาง ลมหายใจ
แต่ ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำ เป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกาย
อย่าง น้อย 500 มิลลิลิตร ต่อวัน ไม่เช่น นั้นจะไม่สามารถขับของเสียออก
จากร่าง กายได้หมด
นอกจาก นี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร
หรือ 1 ลิตร ต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเรา จึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้ง นี้
ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่ สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมี สูตรมาให้คิดกันคร่าวๆ
ว่าวัน หนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ
(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็น มิลลิลิตรครับ

เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล.
หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ

ถ้าเรา ดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือด ซึ่ง 90% ทำมาจาก น้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก
ร่างกาย ก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะ เดียวกัน
สาร อาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทาง แพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดิน
ไม่ สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
บางคน บอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็น ลิ่มเลือด สีเข้ม
หนืด ปวด ประจำเดือนก็แหงละครับ
น้ำไม่ กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ
แต่ถ้า ทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน
ทำอะไร ก็ต้องพอดีๆครับ

ข้อสาม อย่าง ที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่า
น้ำเย็นเป็นของต้อง ห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะ เมื่อเจอของเย็นเข้าไป
การทำ งานจะด้อยลงทันที เกิด เป็นอาหารไม่ย่อย อาหาร บูดเน่า หมักหมม
อยู่ใน กระเพาะและลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่
เส้น เลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
เพราะ ฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำ อุ่นก็ได้
แต่ก่อน ผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดย เฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ ต้องเสริฟน้ำเย็น
เสริ ฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกัน จนเป็น เรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ
แต่พอ ตอนนี้ เห็น แล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผม ตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

ข้อสี่ ดื่มน้ำ ช่วงเวลาไหนกัน ที่บอก ให้ดื่มวันละ 8-10 แก้ว เนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไป จิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำ
ไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะ อย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการ กินน้ำ
ที่ผิดที่สุดครับ
คนเรา มักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึง เวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
เขา บอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบ ไม่น่าให้อภัย
เลยครับ เพราะ ช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้อง อาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไป เยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียว
กับการกินของเย็นคือ อาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้น เลือด
เพราะ ฉะนั้นที่คุณควรทำคือ
ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำ ก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อ ขับพิษออกจากร่างกายทาง
อุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที
ทานน้ำได้ไม่เกิน ครึ่งแก้วครับ
ในที่ นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของ เหลวทุกประเภทนะครับ
และอย่าดื่มน้ำครั้งละ มากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำ
แก้วน้ำมาวางไว้ข้าง ตัว จิบไปทั้งวันครับ
ถ้ากิน น้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกาย ยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียว
ปัสสาวะ ออกไปหมดแล้ว อย่าง นี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ
เหมือน น้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลัก ล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะ เอาอะไร
กักเก็บ ไว้ในเขื่อนละครับ เหมือน ทำยาก แต่ จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็
ไม่ยาก อะไรครับ ผมแต่ ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้ว พร้อมทานข้าว ด้วย เหตุ
ผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ
เพื่อ ให้อิ่มจริง หรือกิน ล้างปากสักหน่อย (กินกัน เป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ)
หรือ ต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้ว หวานมันเย็นอร่อย
แต่ส่ง ผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว
เบียร์ ก็อีกตัวครับ สังสรรค์ กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุก วันนี้เลิกครับ
ได้ข้อ ดีอีกอย่างคือ ไม่รู้ จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพราะ มันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้ เลิกเหล้า เลิก เบียร์กันไป
แต่ก่อน หลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืด มาก ก็งง หรือว่า เรากินเยอะไป
แต่บาง ทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสีย บุคลิกมาก พอมารู้ ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ
กินน้ำ เยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ
พอ เปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการ เหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

นอกจาก นี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วย ครับ
โดยเฉพาะผลไม้ที่มี ฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้ว มังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น
มีสอง เหตุผลครับ
หนึ่ง เพราะ ว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหาร ยังย่อยไม่เสร็จ
ผลไม้ก็ ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกาย ก็ดูดซึม
สาร อาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึง ลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึม
มันก็ เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
เพราะ ฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม.
ขณะท้องว่างเพื่อให้ ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน
สารอาหารและไม่รบกวน ระบบการย่อย?าหารด้วย
เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อย ในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ
ถ้าทาน ผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี
เกิด วงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไง บ้างครับ คอตกรับ ผิดกันเป็นแถวเชียว
ยังครับ มารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ
ทานน้ำ อะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลม มาก ดื่มทุกวัน
ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำ ให้สะอาดหนักกว่าเดิม
เครื่อง กรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้
อายุการ ใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง
ทว่าเรา ไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายัง อยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว
คุณคง รู้ว่าต้องทำอย่างไร

อีกอ ย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก
กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ
ยิ่งอัด แก๊สอีก กินเข้า ไปท้องก็อืด การย่อย อาหารก็ไม่ดี เสีย เงินไปทำร้าย
ร่างกาย ตัวเองเปล่าๆ พวกชา พร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไร
นอกจาก น้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย
แต่ถ้า เป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสัก
ครึ่ง ชม.ครับ เพราะชา มีฤทธิ์เย็น ทำให้ อาหารไม่ย่อย
รวมทั้ง ยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย
กาแฟก็ ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคน เถียงข้างๆคูๆ
"กาแฟหอม นะหมอ"หอมครับ ผมไม่เถียง แต่มัน ไม่ดีครับ
เดี๋ยว ไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยา ดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะ รุ่ง

อีกอ ย่างขอแถมนิดนึง คนไทย ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ
อร่อย ลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ

ครบห้าข้อ แล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ ยาวเป็นบ้า
แต่ก็จำ เป็นต้องเขียน เพื่อ ประโยชน์สุขของมวลชน...555 ว่าไปนั่น
ที่เขียนมา ให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุก คนใช้ชีวิต
อย่างถูก ต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ
หมอไม่อยาก รักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง
เพราะพวกผม ไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จ ไม่ใช่ได้มา
เพียงชั่ว ข้ามคืน แต่ต้อง ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
สุขภาพที่ ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทาน แล้วหาย
แต่เป็น หน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
ขอให้พวก เราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ

ปล. If you trust me ก็นำไป ปฏิบัติตามนะครับ
อีกอย่าง ความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้ เรื่องนี้ยังมีอีกมาก

ที่มา : http://hot-fwd-mail.blogspot.com/
บันทึกการเข้า
JudasPriest01
AV Donator (VIP)
คณะปฏิสนธิแห่งชาติ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 958



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 06:10:13 PM »


เป็นประโยชน์มากครับ
แล้วขอเสริมว่า การดื่มน้ำเยอะๆก่อนนอน หรือ การนอนคว่ำ ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ตาบวมได้ครับ
เพราะจะทำให้น้ำไปค้างที่ถุงใต้ตา ทำให้ตาบวมตอนตื่น

เดี๋ยวนี้ผมก็หันมาดื่มน้ำเปล่า เยอะขึ้นละครับ รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นมากๆ
แล้วก็ช่วยผมคุมอาหารได้ดีด้วย


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 07:55:45 PM โดย JudasPriest01 » บันทึกการเข้า
lazarus
AV Dedicator (VIP)
คณะปฏิสนธิแห่งชาติ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 07:22:13 PM »



เป็นประโยชน์มากครับ
แล้วขอเสริมว่า การดื่มน้ำเยอะๆก่อนนอน หรือ การนอนคว่ำ ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ตาบวมได้ครับ
เพราะจะทำให้น้ำไปค้างที่ถุงใต้ตา ทำให้ตาบวมตอนตื่น

เดี๋ยวพี่ผมก็หันมาดื่มน้ำเปล่า เยอะขึ้นละครับ รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นมากๆ
แล้วก็ช่วยผมคุมอาหารได้ดีด้วย


 

โหจริงอะพึ่งรุู้นะครับ  ขอบคุณจ้า
บันทึกการเข้า

What's done is done
dekseo
AV Highness Honour
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8550



« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 07:49:26 PM »

ขอบคุณจ้าสำหรับควาวามรู้จ้า
บันทึกการเข้า

สร้างสังคม AVC เป็นสมาชิก VIP ตามกระทู้นี้จ้า

http://www.avcollectors.com/board/index.php?topic=78356.0
rooney482
Avc Lolita Club
AV Responder
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1818



« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 01:23:42 PM »

ถึงว่าช่วงนี้ปวดท้องบ่อย
บันทึกการเข้า

ชาวAVCตัวจริงต้องแบ่งปันกันนะคับ
petedoherty
AV Publisher
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1503



« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 02:46:14 PM »

ขอบคุณสำหรับสุดยอดข้อมูลนะครับ  คงต้องลดการกินน้ำเย็นระหว่างกินข้าว
บันทึกการเข้า
Barely_SoFar
AV DecadonoR++ (VIP)
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1190



« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 03:38:24 PM »

สาระดีดี ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ทุกสิ่งอยู่ที่ทัศนคติและมุมมอง
kiboom7
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 11:56:39 PM »

ส่วนตัวผมคิดว่ากินน้ำเย็นแล้วมันไม่เลี่ยนอ่ะครับ มันรุ้สึกสดชื่น ดี
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  












AV Community Since 2009 : AVCollectors.com - Advertising please contact [email protected]