เอาจริงๆคือ NFT มันคือสิ่งเดียว อย่างที่หลายๆคนบอกไว้นั้นละครับ ยกเว้นเม้นนึงไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน
NFT ย่อมาจาก Non-Fungible Token เป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับ Bitcoin, Ethereum, Litecoin, Binance Coin แต่ NFT จะต่างออกไปตรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแปลตรงตัวจากคำว่า Non-Fungible คือไม่สามารถทำซ้ำได้ และไม่สามารถทดแทนกันได้ ดังนั้น NFT แต่ละชิ้น จึงมีเพียงชิ้นเดียวและมีมูลค่าในตัวเอง
ยกตัวอย่างคือ ตั๋วดินเนอร์ของยูอาร์ 1ใบ เป็นงานที่นางเอาไปขายใน NFT มันโดนตีตราไว้แล้วว่า นี่คือตั๋วใบนั้น ไม่ว่าคุณจะไปก๊อปปี้ เอามาปริ้น เอามาทำไรถามว่าทำได้ไหม ได้เอามาเลยร้อยใบก็ได้ แต่พอถึงเวลา เอาไปยื่น ก็เข้าคุกไป เพราะสิทมันอยู่แค่" ใบนั้นใบเดียว" เหมือน โมนาลิซ่า nft คนประมูลไปแสนล้าน แล้วมันมีคนไปแฮกภาพมาโพสบนเนต แจกจ่ายไปทั่วบอกใครๆก็มีรูปแบบนี้ฟรีๆได้ แต่เอาไปขายก็ไม่มีราคา เพราะงานหนึ่งเดียวที่ขายไปคือ"ชิ้นนั้น"
เพื่อไม่เข้าใจอีก งั้น ง่ายขึ้นมาอีกนิด คอมพิวเตอร์ เราเอาไปให้เพื่อนยืม แล้วเราบอกว่า มึงต้องคืนคอมเครื่องนี้มานะ เครื่องนี้เท่านั้น
ตอนมาคืน เพื่อนแมร่งไปแอบเนียนเอาเครื่องใหม่แต่ทุกอย่างเหมือนเดิมมาคืน เราก็รู้อยู่ดีว่านี่ไม่ใช่เครื่องกูเพราะไฟล์ ไดร์ฟอะไรอื่นๆมันไม่มีทางที่จะทำให้เหมือนได้100% มันถึงโดนจำกัดไว้ในคำที่ว่า "มีชิ้นเดียว"
ถ้าพูดถึงเรื่องประเด็นมูลค่าและประโยชน์ใช้สอย
ทั้ง 3 ตัวอย่างมีความต่างกันเล็กน้อยครับ
1. ตั๋ว (เอกสารธุรกรรม) - มีมูลค่าและประโยชน์ใช้สอยแค่ใบเดียว คือใบอื่นเอาไปใช้อะไรไม่ได้
2. รูปโมนาลิซ่า (งานศิลปะ) - มีมูลค่ารูปเดียวที่ขายได้ ส่วนประโยชน์ใช้สอยของแท้สวยที่สุด (สำหรับคนมองออก) แต่รูปก็อบปี้ก็สวยรองลงมา (คนที่ดูไม่ออกอาจจะบอกว่าเหมือนเลยก็ได้)
3. คอมพิวเตอร์ (อุปกรณ์ไอที) - น่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกันทั้งสองเครื่อง ถ้าบอกว่าก็อบมาสเปกเดียวกัน ยกเว้นไฟล์ข้อมูลในนั้นจะมีค่ามากกว่ากันและก็อบข้อมูลไม่ได้ ส่วนประโยชน์ใช้สอยก็น่าจะใช้งานได้ใกล้เคียงกัน ยกเว้นขาดไฟล์ข้อมูลนั้นแล้วเอาไปกระจายงานอื่นๆต่อไม่ได้ ก็จะมีประโยชน์ไม่เท่ากันครับ