หัวข้อ: หนองในใช่โรคติดต่อหรือเปล่า? เริ่มหัวข้อโดย: LEGACY ที่ สิงหาคม 31, 2013, 08:09:54 PM พอดีเพื่อกผมมันมาหาแล้วผมก็พึ่งรู้ว่ามันเป็นหนองใน ผมเลยสงสัยว่า หนองในนี้เกิดจาก ฝ่ายใดฝ่ายนึงมั่วเอาไปทั่วจนติดโรคใช่ไหมครับ แต่เพื่อนคนนี้ผมรู้จักมานานมันไม่ใช่คนเจ้าชู้ ส่วนแฟนมันผมเองก็ไม่ได้สนิท ผมเลยอยากรู้ว่า ที่เพื่อนผมเป็นหนองในก็เพราะแฟนของมันมั่วกับคนอื่นมาแล้วใช่ไหมครับแล้วมาแพร่เชื้อให้เพื่อนผมอีกทีนึงแล้วฝ่ายหญิงเรียกว่าหนองในไหมหรือว่าเรียกอีกแบบ ผมเองก็ไม่กล้าถามเพราะมันพาแฟนมันมาด้วย
หัวข้อ: Re: หนองในใช่โรคติดต่อหรือเปล่า? เริ่มหัวข้อโดย: berzerk01 ที่ กันยายน 01, 2013, 08:57:07 AM พอดีเพื่อกผมมันมาหาแล้วผมก็พึ่งรู้ว่ามันเป็นหนองใน ผมเลยสงสัยว่า หนองในนี้เกิดจาก ฝ่ายใดฝ่ายนึงมั่วเอาไปทั่วจนติดโรคใช่ไหมครับ แต่เพื่อนคนนี้ผมรู้จักมานานมันไม่ใช่คนเจ้าชู้ ส่วนแฟนมันผมเองก็ไม่ได้สนิท ผมเลยอยากรู้ว่า ที่เพื่อนผมเป็นหนองในก็เพราะแฟนของมันมั่วกับคนอื่นมาแล้วใช่ไหมครับแล้วมาแพร่เชื้อให้เพื่อนผมอีกทีนึงแล้วฝ่ายหญิงเรียกว่าหนองในไหมหรือว่าเรียกอีกแบบ ผมเองก็ไม่กล้าถามเพราะมันพาแฟนมันมาด้วย ใช่ครับ ต้องมีใครไปมีคนอื่น ไม่เพื่อนก็แฟนเพื่อน มันติดทางเพศสัมพันธ์ หรือ oral sex ได้ หัวข้อ: Re: หนองในใช่โรคติดต่อหรือเปล่า? เริ่มหัวข้อโดย: XIIIs ที่ กันยายน 01, 2013, 03:30:44 PM ถ้าเป็นหนองในแท้ ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่จะไม่มีอาการครับ ฝ่ายชายถ้าติดก็มักจะมีอาการ
แนะนำว่าให้ไปรักษาครับ และต้องรักษาคู่นอนด้วยนะ เพราะโรคนี้เป็นโรคติดต่อ ถ้าคนนึงหายแต่อีกคนยังไม่หายก็มีโอกาสกลับมาเป็นอีกได้ หัวข้อ: Re: หนองในใช่โรคติดต่อหรือเปล่า? เริ่มหัวข้อโดย: 10นิ้วครึ่ง ที่ กันยายน 02, 2013, 09:53:36 AM พาเพื่อนคุณไปหาหมอเถอะครับ
หัวข้อ: Re: หนองในใช่โรคติดต่อหรือเปล่า? เริ่มหัวข้อโดย: ริว จิตสำส่อน ที่ กันยายน 02, 2013, 10:47:30 AM โรคหนองใน
บางที่เรียกกันว่า โกโนร์เรีย หรือโรคหนองใน เชื้อต้นเหตุ เป็นบัคเตรี มีชื่อว่า ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhoea) ระยะฟักตัว ใช้เวลาประมาณ ๒-๓ วัน หรืออาจยาวนานถึง ๑-๒ สัปดาห์ก็ได้ ลักษณะอาการ โรคนี้เป็นกับบุคคลทั้งสองเพศ แต่ลักษณะจะแตกต่างกันดังนี้ อาการในผู้ชาย จะมีอาการที่รุนแรงคือ เริ่มด้วยอาการขัดเบา เจ็บแสบท่อปัสสาวะทุกครั้งที่ถ่ายปัสสาวะ ที่ปลายอวัยวะเพศตรงปากท่อปัสสาวะจะอักเสบแดง และจะมีหนองไหลเยิ้ม บางครั้งจะมีหนองข้นจนคล้ายเส้นขนมจีน รายที่เป็นมากๆ กางเกงในจะเปรอะเปื้อนไปด้วยหนอง หนองจะไหลอยู่ประมาณ ๑-๒ สัปดาห์ ถ้าไม่ได้รับการรักษา หนองก็จะเริ่มลดน้อยลง แต่อาการอักเสบเวลาถ่ายปัสสาวะก็ยังคงอยู่จะมีอาการคันภายในท่อปัสสาวะ ถ้าปล่อยให้โรคดำเนินอยู่เช่นนี้จะกลายเป็นหนองในเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองจะบวมเจ็บ อาจมีอาการปวดตามข้อ บางรายจะมีผื่นคันตามตัวด้วย โรคอาจลุกลามต่อไป ทำให้เกิดต่อมลูกหมากอักเสบ ท่ออสุจิตีบตันและทำให้เป็นหมันได้ อาการในผู้หญิง อาจจะไม่มีอาการอะไรเลย หรือมีแต่เพียงอาการแสบเวลาปัสสาวะ บางรายอาจจะมีหนองไหล ซึ่งผู้ป่วยมักจะให้ประวัติว่าตกขาว บางราย จะไม่มีหนองปรากฏให้เห็นเลย บางรายอาการตกขาวมีมากจนต้องใช้ผ้าอนามัยก็มี ส่วนใหญ่อาการในผู้หญิงจะน้อยกว่าในผู้ชายมาก จนทำให้บางคนสำคัญผิดว่า ไม่ได้เป็นโรค ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายในการแพร่เชื้อต่อไปโดยเฉพาะในหญิงบริการ เนื่องจากมีอาการน้อยจึงมักไม่ใคร่รักษา โรคจึงเรื้อรังลุกลามต่อไป ทำให้เกิดอาการอักเสบในอุ้งเชิงกราน ทำให้ปีกมดลูกอักเสบมดลูกอักเสบ ปวดมดลูก ช่องท้องอักเสบ รังไข่อักเสบ ปวดเมื่อยหลัง ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีไข้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อไปอีก คือ ท่อรังไข่ตีบตันเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือเป็นหมันในที่สุด ถ้าเกิดมีการอักเสบในอุ้งเชิงกราน จะมีการตกขาว ซึ่งมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย มีเลือดปน มีไข้ และมักจะมีอาการใกล้ๆ กับระยะมีประจำเดือน ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า ไข้ทับระดู โรคหนองในอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายประการ ได้แก่ ๑. โรคแพร่กระจายโดยตรงจากแหล่งที่เป็นโรคดังได้กล่าวไว้แล้ว คือ จากอวัยวะเพศไปทำให้อุ้งเชิงกรานอักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ ต่อมบาร์โทลินในช่องคลอดอักเสบ และท่อนำอสุจิอักเสบ ๒. โรคแพร่ออกไปโดยทางอ้อม เช่น เอามือเปื้อนหนองไปเช็ดตา หรือใช้ผ้าขาวม้าไปเช็ดตาตนเอง ทำให้ตาอักเสบเป็นหนองได้ ๓. โรคแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดทำให้เกิดข้ออักเสบ มีผื่นตามผิวหนัง ลิ้นหัวใจอักเสบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และตับอักเสบ ๔. โรคติดไปยังทารกในครรภ์ ติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้คลอดก่อนกำหนด บางครั้งจะติดโรคขณะคลอดผ่านช่องคลอดที่มีเชื้อโรค ทำให้ตาอักเสบเป็นหนอง โรคหนองในในเด็กหญิง มักจะเกิดแก่เด็กหญิงวัยอนุบาล วัยเรียนชั้นประถม อายุประมาณ ๓-๕ขวบ จะมีอาการหนองไหลออกมาจากช่องคลอด มีอาการคัน พ่อแม่จะสังเกตว่าเด็กคันอวัยวะเพศเสมอๆ ที่กางเกงในจะมีหนองติด เด็กพวกนี้มักติดเชื้อหนองจากผ้าขาวม้า ผ้าปูที่นอน โถส้วม หรือใช้มือที่เปื้อนเชื้อไปเกาอวัยวะเพศ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะ พวกผิวขาว มักจะเกิดจากการร่วมเพศก่อนถึงวัยอันควร นอกจากโรคจะเกิดแก่อวัยวะเพศแล้ว ปัจจุบันพบว่ามีอาการคออักเสบอันเกิดจากเชื้อหนองในบ่อยขึ้นเพราะมีเพศสัมพันธ์แบบใช้ปาก และบางรายมีอาการอักเสบของทวารหนัก ซึ่งเป็นผลจากเพศสัมพันธุ์ทางทวารหนัก การติดต่อ ที่สำคัญคือ การร่วมเพศโดยตรงและการกระทำเพศสัมพันธ์โดยวิธีอื่นๆ การสัมผัสกับเชื้อโรคโดยทางอ้อม ได้แก่ มือเปื้อนเชื้อ ใช้เสื้อผ้า ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกางเกงใน นั่งโถส้วมตามหลังผู้ที่เป็นโรคเพิ่งใช้ส้วมไปใหม่ๆ เหล่านี้เป็นต้น การป้องกันและควบคุมโรค รักษาอนามัยส่วนบุคคล ละเว้นการสำส่อนทางเพศ ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศกับหญิงบริการ ไม่กระทำเพศสัมพันธ์ที่ผิดปกติ หากมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดที่สงสัย แม้แต่เพียงเล็กน้อย ให้รีบไปรับการตรวจวินิจฉัยโรคโดยด่วน ถุงยางอนามัยเครื่องมือที่ช่วยป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคหนองในเทียม เชื้อต้นเหตุ เชื้อที่เป็นสาเหตุสำคัญบ่อยที่สุด คือ คลามีเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia trachomatis) นอกจากนี้ ยังมีเชื้อยูเรียพลาสมายูเรียไลทิคุม (Ureaplasma urealyticum) ระยะฟักตัว นานประมาณ ๗-๑๔ วัน ลักษณะอาการ ผู้ป่วยมักจะมีอาการแสบหรือรู้สึกขัดเวลาถ่ายปัสสาวะและมีหนองใสๆ บางรายมีอาการคันในท่อปัสสาวะ หรือมีรอยแดงๆ บริเวณปากท่อปัสสาวะ มักมีหนองไหลในตอนเช้าๆ ในบางรายอาจมีเชื้ออยู่โดยไม่มีอาการก็ได้ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อคลามีเดีย บางคนอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น เกิดการอักเสบลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก ถุงอัณฑะ ทำให้เกิดเป็นหมันตามมา ในหญิงที่ติดเชื้อนี้มักไม่แสดงอาการชัดเจน บางรายจะมีตกขาวมาก ตรวจพบปากมดลูกอักเสบ เชื้ออาจลุกลามเข้าสู่อวัยวะภายใน เกิดการอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์ในช่องเชิงกราน ทำให้เกิดอาการไข้ ปวดท้องน้อย ท่อรังไข่อักเสบตีบตัน เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือเป็นหมัน นอกจากนี้ถ้ามารดามีเชื้อที่บริเวณปากมดลูก ทารกที่คลอดผ่านออกมาจะได้รับเชื้อเข้าตา ทำให้เกิดตาอักเสบในระยะแรกคลอด และถ้าทารกที่ตาอักเสบนี้ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดโรคกับอวัยวะระบบอื่นได้ ที่สำคัญคือปวดบวม การติดต่อ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นอกจากนั้น ทารกแรกเกิดอาจได้รับการติดเชื้อจากมารดาก็ได้ การป้องกันและควบคุมโรค เมื่อพบผู้ป่วยจำเป็นต้องให้ยารักษาจนครบกำหนด และแนะนำให้นำคู่สมรสมาตรวจรักษาด้วย ในระยะที่มีอาการควรงดการร่วมเพศ ไม่ควรประพฤติสำส่อนทางเพศ และการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยป้องกันโรคได้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() AV Community Since 2009 : AVCollectors.com - Advertising please contact [email protected] |