AVC

แน่นอนว่า การขอแก้ไขกฏหมายเฮงซวยนี้ยืดยื้อมานาน แต่ถ้าได้ตามช่าวจะรู้ว่า

บริษัทผลิตหนังไม่เคยเทคแอคชั่นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

ปล่อยให้ดาราAV นั้นออกมาคอลเอ้าท์แทน จนสุดท้าย โมะเอะ ดาราคนแรกๆที่ออกมาคอลเอ้าท์เรื่องนี้

เหนื่อยเพราะโดนจับไปเป็นประเด็นดราม่าจนต้องถอนตัวออกไปและดาราคนอื่นๆก็เริ่มไม่ขยับในเรื่องนี้

แต่ครั้งนี้ SOD ลงมือเองแล้ว

SOD บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมAVนี้

(แค่บริษัทลูกที่มีเป็น10-20 ค่ายก็ครองตลาดส่วนใหญ่ได้มากพอที่จะเป็นมือ1ในอุตสาหกรรมนี้ไปนานแสนนานแล้ว)

โดย คุณ Nomoto ซีอีโอของ SOD Create ปรากฏตัวบน Twitter

และโพสต์วิดีโอโปรโมตสำหรับแคมเปญอันเป็นเอกลักษณ์โดยมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน(ภาษาบ้านๆเรียกว่าเปิดหน้าแลก)

(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/-2024-02-18-195127.png)

เจ้าหน้าที่ SOD ยังติดตามแคมเปญลายเซ็นที่จัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ และกิจกรรมของพวกเขาก็ถูกโพสต์ด้วย

ล่าสุดเขาทำกิจกรรมที่โอซาก้า โยโกฮาม่า และมัตสึโดะ

(https://img2.pic.in.th/pic/-2024-02-18-195304.png)

ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าแก้ไขสำเร็จ เราอาจได้เห็น เว็บ Fanza กลับมาเปิดให้คนทั่วโลกมาซื้อหนังAV เช่นเคยก็เป็นได้

(เพราะยุ่นอ้างเรื่องกฏหมายจึงปิดเว็บไปและบล็อคไอพีต่างประเทศในบางประเทศไม่ให้เข้าถึงได้ง่าย)

แล้วกฎหมายเก่ามันไม่ดีตรงไหนครับ

กฏหมายนี้ ร่างโดยคนที่อยู่ในสภาที่ไม่ได้สำรวจหรือสอบถามข้อมูลต่อคนที่อยู่ในอุตสหกรรมนี้แต่อย่างใด

เอาตรงๆคือให้ดูบ้านเราครับ ตอนนี้มันเป็นไง ยุ่นก็เป็นงั้นกับตัวกฏหมายนี้ คิดจะร่างก็ร่างแล้วไปโหวตกันเองในสภา

พอผ่านมาก็บังคับใช้โดยไม่ได้สนใจว่ามันส่งผลกระทบอะไรบ้างในธุรกิจนี้ที่บอกเลยว่าทำเงินมหาศาลให้กับประเทศ

เรียกว่าเหมารถทัวร์พากันรีไทร์เลยก็ว่าได้ฮะ ถ้ามันดีไม่มีผลกระทบ คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ข้อดีก็มี แต่ข้อเสียเยอะกว่า ผลกระทบมากกว่า

ก็บอกให้มองข้ามข้อเสียไง มองแต่ข้อดีเป็นไหมมมมมม? ? ? ? ? ? ?

ตำนานในบอร์ดท่านหนึ่ง ด่ากูว่าสมองลิงไล่ให้กูไปคุยกับลิง 555+
หน้าไอ้ไนท์ลอยมาเลย

จำได้ว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ มีประเด็น
- ให้สิทธิ์ดารายกเลิกสัญญาได้ (กรณีถูกหลอกเข้าวงการ) อันนี้อาจจะทำให้ดาราทยอยออกจากวงการ
น่าจะรวมถึงยกเลิกหนังที่ถ่ายแล้ว รอขายด้วย
- ต้องทิ้งเวลา 4 เดือนหลังจากถ่ายทำ ถึงจะขายหนังได้ อันนี้ทำให้หนังขาดช่วงไปอยู่ระยะหนึ่ง

กฏหมายฉบับก่อนๆ น่าจะมีเรื่อง
- อายุต่ำกว่า 20 เข้าวงการได้ถ้ามีผู้ปกครองยินยอม
- ดาราสามารถขอให้ค่ายหยุดขายหนังที่เกิน 5 ปี ได้

ส่วนสาเหตุก็ตามที่ว่า คือ คนร่างกฏหมายหวังดี แต่ไม่คุยกับคนในวงการให้ดีก่อน

ดูตามที่บอกก็น่าจะดีนิครับ

ป้องกันคนถูกหลอก

https://www.avcollectors.com/board/index.php?topic=234011.0

ไปครับมันส์ๆ

กฏหมายที่ผ่านมาเกลียดไอข้อนี้ที่สุดคือ >>ต้องทิ้งเวลา 4 เดือนหลังจากถ่ายทำ ถึงจะขายหนังได้ อันนี้ทำให้หนังขาดช่วงไปอยู่ระยะหนึ่ง ข้อนี้ล่ะเซงมากกว่าจะได้ดูหนังของดาราเอวีที่เราชอบรอโครตนาน

...

ไม่ด่ากฏหมายได้ไง ก็กฏหมายมันออกมาแบบไม่ถามคนในวงการ
อย่างน้อยผมน่าจะเคยพูดทำนองว่า ถ้ามันสอบถามจาก คนในวงการสักหน่อย มันก็คงไม่แย่อย่างงี้

อีกอย่างนักแสดงมี AV Human Rights https://avjinken.jp/roposal_en.php ซึ่งเป็นองค์กรณ์ดูแลอยู่แล้ว
อย่างน้อยๆก่อนออกกฏหมายคุยกับ AV Human Rights หน่อยก็ยังดี

แต่นี้คิดเองเออเองหมด เผลอๆมาจากคนไม่ดูเอวีด้วยซ้ำ

ตอนนั้นคิดว่าแค่ลำพังดาราหน้าใหม่ที่ตั้งใจเข้าวงการมาต้องรอ 4-5 เดือนว่าแย่แล้ว
ปัจจุบันคือมีผลกับดาราหน้าเก่าที่ต่อสัญญาใหม่อีก ต้องรอ 4-5 เดือนเหมือนกัน
และจะเป็นไปตลอดถ้าต้องต่อสัญญาใหม่

4-5 เดือนคิดในเคสที่แย่ที่สุดคือไม่ได้ตังสักแดง คือกูทำอะไรกินอะ
บางคนยังดีดังมากพอไปเป็น Mc Pretty ถือไมเรียกแขกร้านเหล้า หรือเป็นนางแบบถ่ายรูปได้

แล้วหมดสัญญา ไม่มีผลงานขาย ค่ายก็ไม่จ่ายตัง
สัญญาอะไรไปเรียกร้องก็ไม่มี จะมีได้ไงก็หมดสัญญาแล้ว
แล้วพี่จะไปด่าค่ายทำไมก่อน?

...

ก็ถามเองตอบเองได้นิ่ 5555+

...

แล้วทำไมต้องมองที่ค่ายปลายทางแบบคุณ ในเมื่อต้นตอปัญหามันอยู่ที่กฏหมาย?
หรือจะทำแบบ Mindset พวกคนแก่เหี้ยๆซุกปัญหาจริงๆไว้ใต้พรม งี้เหรอ งั้นไม่เอานะ

ถ้าแม่งเป็นกระทู้แบบ S1 กดหัวหนักแสดง ยอดขายไม่ดีบีบออก
อันนี้จะด่าค่ายก็ไม่แปลก

แต่นี่แม่งต้นกระทู้ก็เขียนกฏหมาย ปัญหาก็มาจากตัวกฏหมายจริงๆ จะให้กูไปด่าค่ายทามมมม?

แล้วก็อยากให้อ่านดีๆนะกับคำว่า สัญญาหมดไปแล้ว...

สัญญาหมดแล้วคืออะไร คือไม่มีสัญญาไง แล้วที่กฏหมายนี้ทำคืออะไร คือเซ็นต์ต่อเนื่องเลยไม่ได้ไง ต้องเว้นช่วงรอไง

...

...

ไม่ถูกครับ ไปเอามาจากไหน

คนอ่อนแอก็ต้องถูกรังแกวันยังค่ำครับ ซึ่งในที่นี้คือตัวดารา

ขนาดกฎหมายออกมาช่วยให้สิทธิต่างๆ แต่สุดท้ายก็วนมาลงที่ดาราจะได้รับค่าตัวก็ต่อเมื่อหนังเริ่มขาย
(จะมองว่าไม่มีประโยชน์เลยก็ได้ เพราะดาราก็ต้องง้อค่าย คงส่วนน้อยค่ายก็ง้อดาราบางเรื่อง)

ค่ายมันก็ฉลาดเนาะ ไม่เสียสละจ่ายเงินก่อนหรอก
อำนาจต่อรองอยู่ที่ความสำคัญของสิ่งที่แต่ละฝ่ายมี

ถ้าข้อมูลเรื่องจ่ายเงินเมื่อเริ่มขายหนังไม่ถูกต้อง ก็ขออภัยที่รับข้อมูลมาผิดๆ ครับ

ไม่นะ กรณีมองแบบไม่ได้แย่ทื่สุดเราสามารถมองในมุมดีๆได้ว่าค่ายเองก็อยากจ่ายให้นักแสดง
แต่ที่จ่ายไม่ได้เพราะติดเรื่องสัญญาที่มันไม่มี จากกฏหมายนี้ที่มันให้เว้นช่วงนานเกินไป

ไม่เคยมีประเด็นค่ายไม่จ่ายเงินเลบครับ ไปแอามาจากไหน

ทำไมไม่จ่ายก่อน ? ถามกลับ ไหนสัญญาอะ ? หน้าเก่าคือสัญญาหมดไปแล้ว หรือหน้าใหม่คือยังไม่มีสัญญา
อย่าลืมนะว่ากฏหมายนี้มันให้เว้นช่วงในการเซ็นสัญญา

ผมว่าถ้ามันมีสัญญาจ้างการสัญญาการจ่ายเงินแบบปรกติๆ ค่ายมันก็จ่ายปรกติๆแหละ
ที่ถ้ามันจะไม่จ่ายจริงๆ ก็เพราะด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่มีสัญญาจ้างหรือสัญญาจ่ายนี่แหละ

ผมว่าเรื่องระหว่าง ค่าย เอเจนซี่ นักแสดง หรือนักแสดงอิสระก็ตาม แม่งไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก
เพราะไม่งั้นที่ผ่านมาคงได้ยินข่าวคราวบาง

แต่การที่นักแสดงก็ดีหลายๆคนออกมาโจมตีกฏหมายนี้ ไม่โจมตีค่าย หรือแม้กระมั่งงวดนี้ค่ายออกจากเงามาชกกฏหมายเอง
มันบ่งบอกคำตอบอะไรอยู่หรือเปล่า?

...

   หลัก ๆ เลยก็ ไอ้การบังคับเซ็นสัญญาทุกครั้งในทุกเรื่อง และหลังเซ็นสัญญาต้องเว้นระยะ 1 เดือนถึงจะเริ่มถ่ายได้ ระบบคิวงานมันจะรวนไปหมดทุกฝ่ายครับทั้งดาราชายหญิง ทีมงานต่าง ๆ ขณะรอคิวถ่ายบางคนอาจมีงานอื่นแทรกมาก็ได้ ต้องหาคนมาแทนเป็นต้น

 และมันไม่ได้ใช้เฉพาะนักแสดงใหม่วัย 18 นะครับ มันบังคับทุกคนทั้งชายหญิงทุกเพศทุกวัย
สมัยก่อนเซ็นสัญญาทีเดียว 6 เดือน 1 ปี ว่ากันไป ตอนนี้ต้องมาเซ็นกันทีละเรื่อง
เซ็นกันมือหงิกเลยทีเดียว แล้วก็นั่งตบยุงรอไป 1 เดือน ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้ามีอะไรต้องเลิกการถ่าย ก็มาเริ่มกระบวนการกันใหม่

  ส่วน 4 เดือนหลังถ่ายเสร็จถึงจะวางขายได้ อันนี้ทางค่ายรับเคราะห์ไปเต็ม ๆ ครับ
กว่าจะเก็บบิลจากร้านค้า ก็ปาไปอีก 3-4 เดือน กว่าจะได้เงินรายได้จากเรื่องหนึ่ง ๆ ก็
 เกือบปี

  ส่วนค่าจ้างทีมงานต่าง ๆ เค้าก็จ่ายวันถ่ายทำเสร็จนั่นแหละครับ
อย่าลืมว่านักแสดงทุกคนสังกัดเอเจนซี่นะครับ  ทางค่ายจะดิวและจ่ายผ่านเอเจนซี่เท่านั้น
และคนที่ต้องดูแลการเป็นอยู่หรือหางานป้อนนักแสดง ต้องเป็นหน้าที่ของเอเจนซี่ครับ ไม่ใช่ค่ายหนัง

 อีกอย่างหนึ่งมารู้ทีหลังว่ารัฐบาลใช้กฎหมายนี้ซึ่งร่างโดยพรรค CDP ซึ่งมีกลุ่มสิทธิ ร่วมอยู่ด้วย คงจำวันอภิปรายที่มีดราม่า ห้ามร่วมเพศในหนังกันได้....ดีนะว่าไม่ผ่าน...

สรุปพ้อยของแม่งคือการที่เซ็นสัญญาไปแล้วต้องมานั่งรอเวลาโง่ๆ สมแล้วที่คิดมาอย่างดี

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับนักแสดงที่ไม่มีเอเจนซี่ครับ?

...

ไม่มีไม่ได้ครับ ถึงมือสมัครเล่นก็ต้องมีเอเจนซี่
ที่ไม่มีจริง ๆ มันจะเป็นโดจินครับ

 ที่แน่ ๆ คือความคล่องตัวไงครับ ส่วนใหญ่เค้าพร้อมจะแสดงอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวก Kikatan ยิ่งลำบากหนักถ้าทำงานได้น้อย
เค้าอยากถ่ายวันละเรื่อง ด้วยซ้ำ 
  พูดง่าย ๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ บางคนมันจะไม่มีงานเอาครับ

แล้วที่บอกว่านักแสดงเซ็นสัญญาได้แบบเดือนต่อเดือน เซ็นในทุกๆเรื่อง
คำถามคือน้องจะหายไปทำไมไม่ต่ำกว่า 5 เดือนครับ อย่างเช่น Saika Kawakita
ที่น้องหายไป 5 เดือนเต็มๆ แล้วเพิ่งมีหนังใหม่ออกมาในทุกเดือนแบบปรกติ

อ่ะ...อันนี้เป็นสถานการณ์ของแต่ละคน
ผมไม่ทราบครับ

ผมว่าน่าจะยังมีกลุ่มที่เซ็นสัญญาแบบ 4 เรื่อง 6 เรื่อง 8 เรื่อง 12 เรื่องอยู่นะ
หรือไม่ก็แบบ 6 เดือน หรือ 12 เดือนอยู่นะ
เพราะเคสน้อง Saika Kawakita น้องบอกเองว่าไม่มีหนังไม่ไม่ต้องตกใจ
เพราะปัญหาจากกฏหมายใหม่ในเรื่องการเซ็นสัญญา

แล้วก็เรื่องพวกดาราทุกคนต้องมีเอเจนซี่อันนี้ผมว่า ถ้าเป็นพวกๅ Hi-End อะใช่เพราะเงินมันเยอะ
แต่พวกที่เห็นหน้าตามหนังรหัสแปลกๆไม่น่ามีนะ อาจเป็นพวกดาราแบบ 60k jpy ต่อหนึ่ง 1 ชั่วโมง
พวกนี้ผมว่ามีอย่างมากคือผู้จัดการส่วนตัวอะ ซึ่งถ้านับเป็นเอเจนซี่ก็ได้แหละ
เพราะจริงๆเอเจนซี่มันก็พัฒนามาจากระบบผู้จัดการส่วนตัว
แต่สรุปข้อนี้ผมว่ายังไงๆ มันก็ต้องดาราส่วนน้อยๆ ชนกลุ่มเล็กๆ ที่รับเล่นหนังเอง-จ่ายภาษีเอง-ดูแลตัวเอง ซึ่งหัวข้อนี้ช่างมันได้

แต่คือน่าเห็นใจพวกดาราที่เล่นหนังเน้นจำนวนเยอะๆอะ
ถ้าสังเกตุดีๆก่อนช่วงกฏหมายนี้ออกมาบังคับใช้
เดือนๆหนึ่งน้องออกหนังในชื่อตัวเอง 20-25 เรื่องเลยนะ

พอกฏหมายนี้มาแม่งหายหน้าไปเลยจ้าเดือนหนึ่ง 2-5 เรื่องเต็มที่ 555
ถ้าให้ยกชื่อน่าจะ Sumire Kuramoto (มีเอเจนซี่ดูแล)
ซึ่งมันหายแบบมีนัยยะสำคัญเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาบังคับใช้กฏหมายนี้

เอาจริงๆ ไอปัญหาเหล่านี้แม่งจะไม่เกิดขึ้นมาเลย ถ้าพวกคนที่ออกกฎหมายนี้ทำการบ้านคุยกับคนทำงานซักหน่อย

ไม่ใช่คิดเองเออเอง ข้าว่าดีเอ็งก็ต้องว่าดี ซึ่งผมก็บ่นมาหลายๆครั้งว่า ลองมองง่ายๆในบ้านเราที่ร้าบาลหัวขวดนึกจะออกกฏหมาย

อะไรก็ได้ที่ตนเองไม่ได้ไม่ความรู้หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่กลับทำให้คนที่เกี่ยวข้องเดือดร้อน

ซึ่งถ้าถามว่าทำไมถึงออกมาประท้วงกัน ก็ง่ายๆตอนแรกเขาก็ทำงานกันสบายๆอยู่แล้วไม่ได้มีปัญหา แต่พวก "คนดีย์" กลับคิดแทน

และสร้างปัญหาให้เขา เขาก็ต้องออกมาประท้วงสิ

...

งั้นผมปรับข้อมูลที่ได้รับใหม่ว่า เป็นแค่กระบวนการงานที่ยุ่งยากขึ้น ไม่เกี่ยวกับการที่ได้รับเงินพร้อมหนังออกขาย

ซึ่งผมมองว่าตอนนี้ก็เข้าสู่วงรอบปกติแล้ว หนังก็ไหลออกมาต่อเนื่องทุกเดือนแล้ว
คงจะปรับตัวในเรื่องการวางแผนงานได้แล้ว โดยถ้าอยากถ่ายหนังทุกวันก็ต้องเซ็นต์สัญญาทุกวัน เช่น
เซ็นต์ 01/01 ถ่าย 01/02 ขาย 01/06
เซ็นต์ 02/01 ถ่าย 02/02 ขาย 02/06
เซ็นต์ 03/01 ถ่าย 03/02 ขาย 03/06
...
...

...

ถ้ากฏหมายฉบับนี้ยังอยู่ ผมว่าก็ไม่มีทางลูปปรกตินะ

ผมคิดว่าอยู่ที่คนคิดกฎหมายนี้ ว่าจุดประสงค์เขาคืออะไร  ต้องการสนับสนุนหรือควบคุม
ถ้าต้องการสนับสนุนก็ควรจะต้องหาแนวทางที่ดีที่สุด แต่ถ้าต้องการควบคุมเขาคงไม่ได้สนใจคนอื่นมากนัก
ก็อยู่ที่นิยามของกลุ่มคนที่คิดกฎหมายนี้แหละ

 ยังไงซะ เดือนมิ.ย. ก็จะครบ 2 ปีที่จะต้องประเมินกฎหมายนี้อยู่แล้ว
จะแก้ไม่แก้ก็คงตอนนั้นแหละครับ

ดีมากเลยครับ ที่มีระบบประเมินกฎหมายด้วย

ต้องการสร้างภาพลักษณ์มั้งครับ เพราะกฎหมายนี้ออกมาในช่วงปีที่จัดโอลิมปิก คนคิดเขาก็เลยอยากสร้างภาพลักษณ์ว่า ถึงบ้านเราจะมีอุตสาหกรรม AV แต่ AV บ้านเราก็ใส่ใจสิทธิมนุษยชนนะ โดยเฉพาะสิทธิ์ของดารา เลยเป็นที่มาของการให้สิทธิ์เวอร์วัง ไม่ว่าจะเป็นเซ็นสัญญาไปแล้ว ก็ให้สิทธิ์ไปคิดก่อนว่าอยากถ่ายจริงๆไหม หรือถ่ายไปแล้วก็ให้สิทธิ์ไปคิดก่อนว่าอยากให้วางขายหรือเปล่า

คนคิดก็จะมาปิดท้ายหล่อๆว่า เป็นไงล่ะ ด้วยกฎหมายฉบับนี้ ก็จะไม่มีใครถูกหลอก หรือ ถูกบังคับเข้าวงการแล้ว

เคยได้ยินครับ  ถ้าของผมไม่มีประเด็นอะไร   

ส่วนตัวคิดว่าวงการนี้ยังมีอยู่ก็เป็นสิ่งวิเศษแล้ว  รู้สึกว่าจะมีแต่ญี่ปุ่น กับ สหรัฐอเมริกา และ ยุโรปบางประเทศ รึเปล่า
ที่ทำกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แบบจริงจัง  ในประเทศมีอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่มูลค่าสูงพอตัว

...

เอาความคิดเห็นที่ผมเป็นผู้บริโภค
การมีกฎหมายนี้ทำให้คอนเทนท์เอวีน่าเบื่อมาก อย่างเช่น ไม่สามารถถ่ายนอกสถานที่ได้
ทำให้หนังประเภทบัสทัวร์หายไป หนังประเภทเอ้าดอร์หายไป 
งานประกวดอย่าง AVOP หายไปนานแล้ว
หนังที่อ้างว่าแตกในจริง อย่างค่าย Knight ก็ไม่อยากทำ กลัวไม่ผ่านไม่ได้ขาย

หนังค่าย Prestige จะมีการอ้างอิงกับฤดูกาลกับเทศกาล
เช่นหน้าหนาวก็ไปเที่ยวน้ำพุร้อน หน้าร้อนก็ไปทะเล
เทศกาลกิโมโน เทศกาลเชียร์กีฬา เทศกาลสากลอะไรต่าง ๆ เค้าก็ไปร่วมงานเอาบรรยากาศ
แล้วก็กลับมาถ่ายส่วนเอวี จะโรงแรมแถวนั้นหรือถ่ายสตูเลยก็ว่าไป
พอเจอกฎที่ต้องเบรกก่อนออกฉาย 5เดือน คือจบเลย ผ่านไป 5 เดือนแบบนี้จะอิงเทศกาลอะไรก็ไม่ได้

ค่ายชอบออกเดบิวท์มาแบบเซฟ ๆ  เอาตัวดาราดังเป็นตัวตั้ง เช่น Mio Ishikawa
แล้วหาดาราที่คล้าย ๆ กันมาเปิดตัว  เพราะว่าอย่างน้อยก็เป็นที่นิยม
แล้วปัญหาความหลากหลายก็ตามมา เปิดดูหนังใหม่มีแต่ดาราทรงไอดอล + ถ่ายหนังในสตู
พวกดาราสไตล์อื่นอย่าง Shunka Ayami , Leira Haduki , Akemi Horiuchi
หรือแนวสวยคมใหม่ ๆ ไม่มีให้ดูแล้ว 

ปล. R18 ก็เปิดตูดหนีอีก  คราวนี้คือขี้เกียจอัพเดทหนังเลย  หาแต่เก่า ๆ ดู 
ผมดูล่าสุดคือปี 2012 กับปี 2009

Nomoto นี่เค้าเล่นหนังเองด้วยใช่มั้ย  จำได้ว่าเคยเจอในหนังพวกมาเซอร์ไพรส์ถึงบ้าน

เรื่องดาราน่าจะมีผลเฉพาะกับระดับtopๆที่ค่ายตั้งใจจะปั้นมั้งครับ 
เพราะตัวรองๆอื่นๆ ผมว่ายุคนี้ก็หลากหลายดีอยู่นะ แต่จะหลากหลายแบบไม่ถึงกับสวยจัดหรือเด็ดสุดๆตามนั้น

เห็นว่าปัญหาอยู่ตรงที่สัญญาที่ต้องเซนต์ก่อนถ่ายทำ 1 เดือน สัญญานี้ไม่ได้แค่มีให้นักแสดงหญิงเฉยๆ แต่นักแสดงชาย ช่างไฟ ช่างแต่งหน้า และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต้องเซนต์กันหมด แล้วถ้าเกิดวันถ่ายทำมีใครคนใดคนนึงที่เซนต์สัญญาเกิดเจ็บป่วยหรือมีอะไรที่ทำให้มาไม่ได้การถ่ายทำครั้งนั้นก็ต้องถูกยกเลิกไปแล้วสัญญากันใหม่แล้วรอไปอีก 1 เดือน

ส่วนเรื่องค่าย ค่ายใหญ่ๆ คงไม่ค่อยมีปัญหาหนักเท่าค่ายเล็ก เพราะกว่าจะเซนต์สัญญาตกลงถ่ายแล้วเริ่มวางขายก็ใช้เวลา 5 เดือน(บางทีมีความเสี่ยงต้องยกเลิกถ่ายตามที่บอกด้านบน) พอเป็นแบบนี้แล้วบางทีเงินหมุนก็จะมีไม่พอ ทำให้ต้องลดปริมาณหนังที่จะถ่ายต่อเดือนทำให้นักแสดงก็มีงานเข้าไปหาน้อยลง

ด้วยความที่กฏหมายเอวีมันเข้มงวดขึ้นก็ส่งผลทำให้มีผู้หญิงหลายคนหันไปเล่นโดจินเอวีแทน(พวก fc2) ซึ่งตรงนั้นมันอยู่นอกเหนือกฏหมายก็ทำให้อันตรายมากกว่าเดิม

เสริมข้อมูลขั้นตอนการทำงาน

นักแสดงประจำค่าย
ผู้กำกับคุยเนื้อหาเรื่องที่จะถ่ายกับนักแสดง >> (ถ้านักแสดงตกลง) >> เซนต์สัญญา >> ส่งบทให้นักแสดง >> ถ่ายทำ

นักแสดงอิสระ
ค่ายหนังส่งข้อเสนอไปที่บริษัทที่นักแสดงสังกัดอยู่ >> (ถ้ารับข้อเสนอ) >> ส่งบทให้นักแสดง >> ถ่ายทำ

สิทธิของนักแสดง
-ในกรณีที่นักแสดงมี NG (แบน) บทหรือเพลย์ไหนๆ ทางสังกัดก็จะส่งรายละเอียดไปให้และค่ายหนังก็จะไม่ใส่บทหรือเพลย์นั้นๆ ลงไปในผลงานตามข้อตกลง
-ไม่ว่าจะเป็นตอนยื่นข้อเสนอถ่ายทำ ตอนส่งบท ตอนวันถ่ายทำ ถ้าเกิดนักแสดงเปลี่ยนใจไม่อยากถ่ายขึ้นมาก็สามารถขอยกเลิกในเวลานั้นๆ ได้ทันที
-ถ้าเกิดว่าในระหว่างการถ่ายทำจู่ๆ ทางค่ายหนังบอกอยากถ่ายอย่างอื่นเพิ่มนอกเหนือจากที่ตกลงไว้ การถ่ายทำต้องถูกหยุดไว้เพื่อให้ทางสังกัดกับทางค่ายหนังคุยกันใหม่อีกครั้ง โดยสุดท้ายที่ว่าจะถ่ายหรือไม่ถ่ายนั้นการตัดสินใจจะอยู่ที่นักแสดงหญิง

ไอกฏหมายที่หนังถ่ายแล้วต้องรอ 4 เดือน จะถ่ายเพิ่มต้องรออีก 1 เดือน ถ้าเป็นคนทำธุรกิจหรือการเงินสักหน่อยจะรุ้เลยว่าพังพินาศจัดๆ

นึกสภาพคุณเปิดร้านกาแฟ ต้องเปิดร้าน 5 เดือนโดยมีแต่ค่าใช้จ่าย ไม่มีรายรับระหว่างนั้นจะอยู่กันยังไง จะเอาเงินที่ใหนจ่ายลูกน้อง (ลูกน้องที่รวมทั้งนักแสดงหญิงชาย ช่างกล้องช่างไฟช่างแต่งหน้า ค่าสถานที คนตัดต่อ คนจำหน่าย การตลาด) เกิดผ่านไป 4เดือนนักแสดงหญิงรอนานจนอยากยกเลิกขึ้น(คงไม่มี แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ) ไม่ใช่ว่าจะไปฟ้องนักแสดงหญิงให้จ่ายค่าเสียหายทุกอย่างได้ ค่ายมันก็ลำบากต้องเซฟตัวเอง

มุมมองคนสไตล์ผม จะไม่มีปัญหาอะไรครับ
ถ้ารวมๆแล้วตราบใดที่ยังมีนักแสดงสวยๆเกรดa ถึงหนังจะเซนหนา หรือน้อยลงก็ตาม
 
แต่ถ้าทำแล้วทำให้มีนักแสดงเกรดaลดลงนี่ก็น่าห่วง  แถมวงการavปัจจุบันนั้นก็มีนักแสดงหลายระดับจำนวนคนก็เยอะมากๆ
ที่เห็นหลายท่านบ่นๆ  ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่สอดคล้องกับระบบธุรกิจนี้  หรือไม่ก็ต้องปรับตัวกันพอสมควร

เรื่อง รอ 1+4 เดือน ผมมองเหมือนน้ำไหลในสายยางน่ะครับ

ที่มันจะมีช่องว่างอากาศในช่วงที่เปิดแรกๆ แต่พอน้ำไหลต่อเนื่องแล้วช่องว่างอากาศก็จะหายไปแล้ว
(เทียบกับหนังที่ขาดช่วงไป 5 เดือน หลังจากนั้นก็ออกมาต่อเนื่องทุกเดือนแล้ว) รวมทั้งเงินรายได้ของค่ายด้วย เสร็จแล้วก้เอารายได้ของเรื่องที่เริ่มขายได้ ไปหมุนเป็นทุนของเรื่องถัดไปได้แล้ว (หลักคิดแบบนี้ถูกป่าวไม่รู้)

ถ้าอึด ผ่าน 5 เดือนแรกนั้นได้ (เหมือนธุรกิจที่อึดผ่านช่วงโควิดได้) ก็น่าจะอยู่รอดได้ครับ

 

ต้องรอดูภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ว่าจะมีอากาศในสายยางอีกรอบไหมตังหากครับ ยังสรุปไม่ได้