AVC

 ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงเตรียมเข้ามหาลัย
ฟิตอ่านเต็มที่กะสอบตรงเข้าที่ๆหวังเอาไว้ นอนดึกตื่นเช้าทุกวัน ทำให้นึกถึงตอนสอบเตรียมฯทหารเลย
ด้วยความประมาทเลยเพิ่งรู้ว่าการสอบตรงมหาลัยที่จะเข้าต้องใช้gatpatประกอบด้วย

  โอ้วว พระพุทธเจ้า
 ตอนที่เค้าลงให้สอบก็รู้อยู่หรอก แต่เรากะจะสอบตรงเลยไม่ได้สอบเอาไว้
สรุปแล้วหมายความว่า ถ้าจะเข้ามหาลัยต้องสอบแกทแพตสินะคับ อุตส่าตั้งใจว่าจะสอบตรงเข้าให้ได้
ตอนนี้ใกล้จะเกณท์ทหารแล้วเป็นพลทหารเลยดีกว่าอีกซักสิบปีก็ขึ้นจ่าสิบเอก

ใครมีความเห็นยังไงเกี่ยวกับ Gat Pat ข้อดี ข้อเสีย ระบายมาได้เลยคับ
ผมควรจะทำยังไงดี มีมหาลัยไหนที่ไม่ใช่แกทแพทบ้าง อุตส่านอนดึกเป็นเดือนๆ

 [ง่วง] [ซึม] [die]

ผมเข้าใจ เรา ม.6 เหมือนกัน ข้อสอบมัน...สุดๆๆๆ

ยากมากกกกกกกกก

ยังดีติดตรงแหล่ว *-*

เป็นแบบทดสอบที่ตลกที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาบนโลกใบนี้
หลักการง่ายๆ ของการออกแบบทดสอบ คือ สอนในสิ่งที่สอบ หรือสอบในสิ่งที่สอน

ข้อบกพร่องของ สทศ. เท่าที่ประมวลได้ คือ

1. หนังหน้าหนาเป็นพิเศษ ไม่ยอมรับผิดในข้อบกพร่องใดใดทั้งสิ้น โทษลมฟ้าอากาศไปเรื่อย เสียงบประมาณที่เอาไปถลุงกันมากเลย เป็นพันล้านเลยนะนั่น

โกงกินกันตั้งแต่การออกแบบระบบ ที่ล่มได้ตลอดเวลา โดยไม่มีคนรับผิดชอบ

2. จัดทำแบบทดสอบได้สนุกสนานเฮฮามาก ชนิดเอามาออกกันทั้งๆ ที่หลักสูตรยังไม่ได้ประกาศใช้ ยังไม่มีการสอน มันก็เอามาออก พอโดนโต้แย้ง ก็ออกมาเถียงข้างๆ คูๆ หงอกแต่หัวจริงๆ ดีนะเกษียณไปตัวนึง แต่ก็ยังทิ้งมรดกบาปไว้อีกบานเบอะ
(แกเป็ยยังงี้แหละ ทั้งผัวทั้งเมีย เรื่องไม่ฟังคน กรูถูกเสมอ ไม่เคยทำอะไรผิดเลย)

ตอนนี้สรุปแล้ว ก็ยังไม่ยอมรับผิดเรื่องออกข้อสอบบกพร่้อง แต่แจกแต้มกันบานเลย
แล้วความน่าเชื่อถือจะไปอยู่ตรงไหน ถ้าเป็นหน่วยงานเก็บขยะ ทำความสะอาดท่อ มีข้อผิดพลาดบกพร่องบ้าง มันพอยอมรับได้อยู่

แต่นี่ รับผิดชอบเกี่ยวกับชะตาชีวิตเด็กนับแสนคน มันต้องผิดพลาดไม่ได้ ไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว

3. บอกว่าเจตนาจะไม่ให้มีการติว แต่ขอโทษ เดี๋ยวนี้ พวกติวเริงร่ากันมากกว่าปกติอีก กวดวิชากันหนักกว่าเก่า ก็เพราะไอ้ความผิดพลาดของ สทศ.นี่แหละ คนออกข้อสอบก็ไม่ได้สอน แถมยังไม่เข้าใจธรรมชาติของแบบทดสอบด้วย เอาคนแค่กลุ่มเล็กๆ ไม่กี่คน มาตัดสินชะตาเด็กนับแสน พอมีข้อผิดพลาด ไม่มีแมวตัวไหนมารับผิดชอบซักตัว

ไปออกข้อสอบกันโน่นตามรีสอร์ท สถานตากอากาศชั้นหนึ่ง พักกันเป็นเดือนๆ สวาปามเบี้ยเลี้ยงกันบานเลย

ทางแก้ไขล่ะ

1. ยุบ สทศ.ทิ้งไป เพราะไม่มีประโยชน์แล้ว เป็นไปได้แค่หน่วยงานผลาญงบ
2. กลับไปให้ สกอ. จัดทำข้อสอบ Entrance แบบเดิม ให้ซับซ้อนน้อยลง เอาแค่คะแนนสอบ+Folio ของเด็กน่าจะพอ ไปทำอะไรให้มันซับซ้อนยุ่งยากเปล่าๆ เครียดด้วย
3. ให้คนที่สอนมาออกข้อสอบบ้าง กระจายกันไปตามภูมิภาค อย่ากระจุกเฉพาะในส่วนกลาง จัดทำเป็นคลังข้อสอบไว้เลย

ผมเสียใจมากจริงๆ ที่เคยเป็นลูกศิษย์อาจารย์อุทุมพร...

บอกตามตรงว่ายังไม่ค่อยเข้าใจว่าไอ้ 2ตัวนี้มันคืออะไร

ต้องทำใจล่ะคับกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของไทย เปลี่ยนระบบตลอด

ยังไงแนะนำให้ท่านรูนลองหาโควตาสอบเข้าแทนใช้คะแนนGat Patสิคับ

ลองเข้าห้องแนะแนวดู คาดว่าคงมีโควตาเข้ามาเยอะแน่คับ

สู้ๆคับผม [good job] [good job]

อ่านไม่ละเอียด คิดว่าเป็น GTA ภาคใหม่  [หวาเว่]

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคับ แต่ตอนนี้ซิ่วมาปีกว่า ศักดินาที่พอมีอยู่แค่วุฒิม.6
เชื่อว่าสังคมต้องการคนเก่งและเป็นคนดี ซึ่งผมมั่นใจว่าตัวเองมีพร้อมทั้งสองอย่าง
น่าจะมีที่ให้โอกาสบ้าง ตอนนี้เครียดมากเลยคับ

การสอบ ตอนนี้ ตามไม่ทัน คับ ไม่รู้แล้ว ว่า สอบอะไร ยังไง
ขอบคุณ ข้อมูล ของท่าน sompoat คับ

สู้ให้เต็มที่ คับ
.
.
.

(ความเห็นส่วนตัวคับ)

เรียนมหาลัยเปิด ก็เป็นทางเลือกที่ดี คับ
เลือกคณะที่ต้องการได้เลย แต่ ค่าเทอม อาจแพง
เพราะในชีวิตจริงจากประสบการณ์ทำงานของผม(ในแผนกที่สำคัญที่สุดของบริษัทอเมริกาที่มีสาขาที่สีลมและมียอดขายทั่วโลกกว่า20,000ล้านusต่อปี ) มหาลัยปิดหรือเปิด ไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญ ในการสมัครงานหรือการทำงานเลย



 

ในชีวิต ไม่เคยสอบเอ็นทรานซ์ซะด้วยสิ

เรียนสายอาชีพ ปวช. ปวส. แล้วก้อสอบคัดเลือกเฉยๆ ตอนเข้า ป.ตรี

จบมา จนทุกวันนี้ ก้อเป็นอาจารย์พิเศษ ที่มหาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง

เด็กๆ ลูกศิษย์ผม ที่เข้ามาเรียน มันก้อไม่เห็นว่า จะมีปัญญาวิเคราะห์ปัญหาอะไรซักเท่าไหร่นัก

คำถามง่ายๆ ยังนั่งงงกันไปไก่ตาแตก

นี่คงเป็นการยืนยันได้ระดับนึงว่า GAT PAT มันไม่ได้ช่วยเสริมสร้างระบบการคิดได้ดีเท่าที่ควร(หรือเหมาะสมกับงบที่เอามาแดกกัน)

การฝึกการวิเคราะห์ มันต้องเจอของจริง เจองานจริง ปัญหาจริงที่มันเป็นเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆ

อดรีนาลีนจะถูกปล่อยออกมา เพื่อกระตุ้นเซลทุกส่วนของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และสมอง

ซึ่งจะทำให้ ศักยภาพของเราเพิ่มขึ้น และถูกกดดัน ให้ต้องหาทางแก้ปัญหาให้ได้

และกระบวนการคิดเหล่านี้ จะถูกบันทึกรูปแบบไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อใดก้อตามที่เจอปัญหาลักษณะนี้อีก จะมามารถแก้ปัญหาได้ หรือ ปรับเปลี่ยนวิธีการคิดได้ โดยไม่ต้องรอให้ อดรีนาลีนหลั่งออกมากระตุ้น

เหมือนคนที่ฝึกศิลปการต่อสู้จนชำนาญ ร่างกาย และสมาธิ จะตอบสนองได้รวดเร็วกว่าคนที่ไม่ได้ฝึก เมื่อเจอกับสถาณการณ์ที่ต้องต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ

ถ้ามัวแต่ไปนั่งคิดวิเคราะห์ตอนนั้น ว่า ศัตรูจะมาทางไหน จะทำร้ายเรายังไง คงได้ไปเล่าให้ยมบาลฟังแทนฮะ  ;D

การศึกษาไทยในทุกวันนี้ คนสอน สอนด้วยหน้าที่ คนเรียน ก้อ เรียนเพื่อไปสอบเอาคะแนน

คนสอน ส่วนมาก จะไร้ซึ่ง จิตสำนึกของการเป็น "ผู้ให้ความรู้" ลืมนึกถึงไปว่า ตอนที่เค้าเรียนรู้มา ครูสอนเค้ามายังไง

ก้อด้วยการถูกกลืนกินจิตใจและอุดมการณ์ จากสิ่งล่อใจต่างๆ เช่น ตำแหน่ง ดีกรีทางวิชาการต่างๆ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้มีตำแหน่ง โดยไม่สนใจวิธีการ

ผมเอง สอนเด็ก ไม่เคยให้เด็กหวังคะแนน(แม้มันจะหวังกันทุกคนก้อเถอะ)

เคยมีเด็กมาถามว่า งานที่ทำออกมา มันไม่ดีไม่สวย คะแนนจะเป็นไงบ้าง(ผมสอนวิชาปฏิบัติงานเชื่อมโลหะ)

ผมเลยตอบไปว่า เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ผมเห็นเด็กคนนึง ที่ยังไม่รู้ว่า การเชื่อมคืออะไร ทำยังไงบ้าง และยังเชื่อมเหล็กไม่เป็น

แต่นาทีนี้ ผมเห็นเด็กคนนั้น เชื่อมงานมาส่งผมได้ ผมดีใจแล้ว

เจ้าตัวเค้าจะไม่ดีใจบ้างเลยหรอ ว่าตอนนี้ เค้าเชื่อมเป็นแล้ว เค้ารู้แล้ว ว่าเชื่อมเหล็ก ทำยังไง ต่างจาก สามชั่วโมงที่แล้วอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่ผมอยากให้ลูกศิษย์ ไม่ใช่คะแนน แต่เป็นวิชา เพราะตอนที่ออกไปทำงาน เราใช้วิชาทำงาน ไม่ได้ใช้คะแนน

ประสบการณ์จริงมีประโยชน์มากคับ

มหาลัยปิดหรือเปิด ไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญ ในการสมัครงานหรือการทำงานเลย

เท่าที่พอสัมผัสมา รู้สึกว่าการหางานทำส่วนใหญ่เน้นที่ชื่อเสียงมหาลัยที่จบแทนที่จะเป็นความสามารถของเด็ก
ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน

ไม่รุ้ ผมไม่แอ๊ด สมัครเข้ารามฯเลย

กระแสเน้นชื่อเสียงมหาลัยถ้าย้อนไปสิบกว่าปีก่อนนี้กระแสแรงมากๆครับ ฝ่ายบุคคลหลายบริษัทมีการตั้งท็อปลิสต์กัน
เลยเรียงลำดับมหาลัยรัฐ เรียงลำดับมหาลัยเอกชน เดี๋ยวนี้บางที่ก้อยังเป็นอยู่ครับแต่ขออนุญาตไม่เอยนามนะครับ
แต่เท่าที่สังเกตดูเดี๋ยวนี้เบาลงเยอะครับ เพราะจำนวนมหาวิทยาลัยและเด็กที่จบมีมากขึ้นครับ ยังไงป.ตรีพยายาม
เรียนให้ได้เกรดดีๆครับ ถึงเรียนเอกชนหรือที่ไหนมาก้อตามถ้ามีโอกาสค่อยต่อโทมหาลัยของรัฐหรือที่ดังๆก้อได้ครับ
เรื่องทัศนคติที่ดีต่อเด็กที่จบมหาลัยที่ดังๆมันเป็นเรื่องปกติครับ แต่เชื่อพี่เถอะขอให้ตั้งใจเรียนป.ตรีให้ได้เกรดดีๆและ
ชีวิตมันก้อจะดีเองครับ  ;)

เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แต่เกรดไม่ดีก็หางานไม่ได้เหมือนกันแหละครับ

โลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน และค่านิยม ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย คับ
เมื่อก่อนจะเล่นพรรคเล่นพวก และแรงมากรับแต่สถาบันเดียวกับตน  แต่จากประสบการณ์ ที่ทำงานมาปัจจุบันนี้ เกรดการเรียนจะมีผลมากกว่า ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย คับ

หลายบริษัทจะเน้นคนจบจากมหาวิทยาลัยกลาง ๆ เนื่องจาก เด็กจากมหาลัยที่มีชื่อจะไม่สู้งาน หัวแข็งไม่ค่อยรับฟังคนอื่น ทำให้เปลี่ยนงานบ่อย และบริษัทของผมเองตอนนี้ ก็จะเรียกสัมภาษณ์งานแต่คนที่จบเกียรตินิยม(ถ้าเป็นปัจจุบันผมคงไม่มีโอกาสได้สัมภาษณ์งานเพราะผมได้เกรดแค่พอผ่านเกณฑ์)หรือต้องใช้เส้นเพื่อให้เรียกสัมภาษณ์ตนให้ได้  ตอนสัมภาษณ์ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะแสดงศักยภาพให้คนสัมภาษณ์เห็นว่า ตนเหมาะกับตำแหน่งงานนั้นยังไง โดยก็เล่าจากประสบการณ์การทำงานในอดีต เช่น สมัยเรียนเคยทำกิจกรรมอะไร

ดังนั้น เกรดจึงสำคัญกว่า ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย  ในปัจจุบัน คับ

สู้เค้า  ;)   

ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำดีๆคับ

>>>>>

ผมผ่านมาแล้วคับ

แอดมิชชั่นรุ่นสุดท้าย

แหม จขกท. ดูเร็วนะเรา หุหุ

ผมสอบมา 2 ครั้งแล้ว แต่ผมสอบไปงั้นแหละ ที่สอบก็เพราะว่าหญิงมาสอบเยอะมากครับ แต่ละคนนี่น่ารักๆทั้งนั้น สุโค่ยยยยย

อูยยย เรื่องเกรดนี้สำคัญมากนะครับ สมัครเรียนต่อกันทีจะกลุ้มมากถ้าเกรดไม่ดี(เช่นผมเป็นต้น) ยิ่งเมืองนอกนี่มหาวิทยาลัยดีๆจะรับโททีนี่บางที่เอาสามกว่า ที่พลาดไปแล้วทุกวันนี้ก็ไม่ได้เสียใจอะไร(เพราะจงใจพลาด ฮ่าๆ) แต่รู้สึกเลยว่าเกรดไม่ดีโอกาสก็น้อยกว่า อันนี้ชัดเจน
ตอนสมัครโทนี่เห็นได้ชัดว่ามีเกณฑ์เกรดกันเกือบหมดครับ ก็ขึ้นอยู่เหมือนกันว่าเค้าจะใช้เกณฑ์อะไรรับ แต่ที่ผมไปเจอนี่โดนหมด บางที่นี่ถึงกับบอกว่ายื่นสมัครไม่ได้เพราะเกรดไม่ถึง เพื่อนผมจะไปเรียนนอกก็ต้องไปเทคคอร์สเพราะเกรดไม่ถึง มหาลัยชื่อดังเมืองนอกนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับเค้าไม่ให้เทคคอร์สเรียนเสริม ก็ต้องไปที่ๆเกรดกลางๆ แถมเสียเวลาเสียเงินเทคคอร์สอีก ไม่ใช่ว่าที่กลางๆไม่ดีนะครับแต่มันแย่ตรงที่เลือกไม่ได้นี่ล่ะ แทนที่จะเลือกเมืองเลือกที่เรียนเลือกสาขาได้เยอะๆเผื่อเปลี่ยนเส้นทางชีวิต แต่อันนี้ก็กึ่งๆว่าโดนบังคับโดยเกรดไปโดยปริยายเพราะทางเลือกมันน้อยลงโดยอัตโนมัติไปเลยโดยเกรด

ผมว่า้ข้อสอบ GAT-PAT นี่น่าจะยุบไปครับ
เห็นมีปัญหาทุกปี แล้วข้อสอบบางข้อมันดูครุนเครือ ตอบได้หลายแบบตามแต่ความคิดของผู้ตอบ
เป็นข้อสอบที่ทำให้เด็กหันไปเรียนพิเศษกันมากขึ้น(ผมคนนึงล่ะ)
ผมว่ายุบไปเถอะครับ ข้อสอบมีปัญหาแบบนี้จะไปเป็นเกณฑ์วัดที่มีมาตรฐานได้อย่างไรกัน 8)