AVC

1) Richard Branson (ริชาร์ด แบรนสัน)

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624692-8267821c.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624692&c=303fe3302a0a817d7b8cbe544ad20943)

ผู้ก่อตั้งแบรนด์เวอร์จิน ด้วยภาพลักษณ์นักธุรกิจนอกกรอบ  ตำรา ไหนว่าแน่พี่ขอแหก
เสาะแสวงหาความท้าทาย ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ เลิก เรียนตั้งแต่อายุ 16
มาเอาดีด้วยการทำนิตยสารสำหรับนักเรียน เป็น ธุรกิจ ค่อยๆ ขยายธุรกิจอื่นๆ มากมาย
ไม่เว้นแม้แต่สายการบิน เป็นเพลย์บอยแถมรวย ภาพที่ปรากฏก็เลยแสบๆ อย่างที่เห็น 

2) CoCo Chanel  (โคโค แชลแนล) 

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624693-19adbf56.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624693&c=9bd329dce18fc818c6dcdeefbad816a3)

ผู้ก่อตั้งแบรนด์แชนแนล เธอเกิดมากำพร้าเริ่มอาชีพเป็นเพียงช่างเย็บผ้า ในยุคที่สตรีต้องตัดชุดสตรีเท่านั้น             
แชนแนลผลักดันตัวเองอย่างกล้าหาญด้วยการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ
และผสมผสานเนื้อผ้า สร้าง เอกลักษณ์ให้ผลงานของเธอ แต่ที่สร้างชื่อให้เธอเป็นที่จดจำตลอดกาล     
คือ น้ำหอม แชนแนลหมายเลข 5 อันโด่งดังนั่นเอง

3) Michael Dell (ไมเคิล เดลล์ )

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624694-67861a20.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624694&c=ca485cac2fbf50cdb7625896df3c34df)

ไปไหนก็จะเห็นคอมพิวเตอร์-โน้ทบุ๊คยี่ห้อ Dell กันใช่ไหม  ผู้ก่อตั้งคือ ไมเคิล เดลล์ เขาหยุดเรียนตั้งแต่อายุ 19 ปี
มาก่อตั้งบริษัท PC's Limited ภาย หลังเปลี่ยนชื่อเป็น Dell, Inc และผันตัวเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์
ส่วนบุคคล ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ในปี 1996 เดลล์ได้มอบทุนให้มหาลัยเทกซัสจำนวน 50 ล้านเหรียญ
(ราวๆ 2,000 ล้านบาท)  เพื่อยกระดับสุขภาพและการศึกษาของเยาวชน

4) Henry Ford  (เฮนรี่ ฟอร์ด)

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624695-4aeb5861.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624695&c=2d434b3d50bb198cba4c6022c45c7d36)

ออกจากบ้านตอนอายุ 16 ปีเพื่อเป็นช่างยนต์  ภายหลังก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์   
ซึ่งรถที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกคือรุ่น Ford Model T

5) Bill Gates  (บิล เกตส์)

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624696-36ec6c1f.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624696&c=748f8487f99dae5ef66d471f0cc046eb)

คนที่ห้า ... เป็นใครไม่ได้ ต้องคนนี้ ติดอันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกปี 1995 - 2006                                         
ช่วง วัยรุ่นหยุดเรียนเพราะกระเหี้ยนกระหือรือจะตั้งบริษัทผลิตซอฟท์แวร์   ชื่อความหมายเล็กจิ๋วว่า
บริษัทไมโครซอฟท์ รวยล้นฟ้าแล้วยังใจบุญ เพราะครอบครัวบิลก่อตั้ง มูลนิธิ บิล & มาลิดาเกตส์                                   
คอยช่วยเหลือด้านการศึกษาและสุขภาพแก่คนทั้งโลก 

6)  Steve Jobs (สตีฟ จ็อปส์)    

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624697-9b66b167.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624697&c=557e7fb25c3275fb43649c2315628d5b)

เรียนมหาวิทยาลัยได้เทอมเดียวก็ไปทำงานให้กับ บริษัท อาตาริ ก่อน ที่จะควบรวมเป็น บริษัท แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
แต่ชื่อมันยาว เดี๋ยวนี้เลยตัดเหลือเพียง แอปเปิ้ล แบรนด์ล้ำๆ ที่ทำให้คนทั้งโลกคลั่ง กับผลงานล่าสุดอย่าง iPad และ iPhone 4
ครั้งหนึ่งสตีฟ จ็อปส์เคยเป็น CEO ให้ Pixar ก่อนที่จะควบรวมกับ วอลท์ ดีสนีย์   

 7) James Cameron (เจมส์ คาเมรอน)

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624698-e6039ea2.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624698&c=af93e339186545b4543ca1019e7ba006)

หยุดเรียนตอนปี 2 ไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน ระหว่างนันก็พยายามเรียนด้าน สเปเชียล เอฟเฟค
ด้วยตนเอง จาก วิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในห้องสมุด หลังจากดูหนังสตาร์วอร์ จึงเลิกขับรถบรรทุก ไปหางานในวงการภาพยนตร์ทำจากงานผู้ช่วย ก็ผันมาเป็นผู้สร้างสรรค์  ผลงานที่กลายเป็นตำนาน อย่าง คนเหล็ก 2, ไททานิค และภาพยนตร์ 3D สุดอลังการอย่าง "อวาตาร"

8)  Lady Gaga (เลดี้ กาก้า)

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624699-02e3b96c.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624699&c=e0bf92fdb7c1b820b1385add59fa2322)

กว่าจะเป็นราชินีเพลงป๊อปแดนซ์และเจ้าแม่แฟชั่นหลุดโลกคนนี้ เธอหัดเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ
เริ่มเขียนโน้ตเปียโนตอน 13 พออายุ 17 ปีก็แต่งเพลงเอง จนกระทั่งปีสองเทอมสอง เธอหยุดเรียน
และหันไปเอาดีในอาชีพดนตรี ด้วยเงินเพียงน้อยนิด จนประสบความสำเร็จในชื่อ "เลดี้ กาก้า"                                         
ที่ทั้งโลกรู้จักชื่อที่ผันมาจากชื่อเพลง "เรดิโอ กา ก้า"

9)  Tiger Woods (ไทเกอร์ วู๊ดส์ )

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624700-7faf83c6.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624700&c=2467493f4a6be3131367a09f50d007e7)

เล่นกอล์ฟตั้งแต่เดินได้ โชว์วงสวิงให้โลกตะลึงตอนอายุ 2 ขวบ เอาชนะพ่อตัวเองได้ตอน 11 ขวบ                         
หลังจากคว้าแชมป์รายการดังมากมาย จึงตัดสินใจหยุดเรียน และเปลี่ยนเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ขณะอยู่ปี 2                 
ผูกขาดตัวเองเป็นนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกมานานหลาย ปี  แม้ไม่เคยเรียนจบแต่ตีกอล์ฟจนได้ดี ปริญญาสาขาต่างๆ
ก็มาประเคนให้ ครั้งนึงรัฐมนตรีบ้านเราบ้าจี้เชิญมามอบแล้วบอกว่าวู๊ดสเป็นคนไทย พี่เสือแกสวนทันทีว่าไม่ใช่
(แม่เป็นคนไทยแท้)ผมเป็นอเมริกัน ท่านๆ หน้าแหกกันเป็นแถว

10) Mark Zuckerberg  (มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก)

(http://img3.imagehyper.com/t/0/0/624/624701-a829d753.jpg) (http://img3.imagehyper.com/img.php?id=624701&c=39ed91f90b7e1733ab3656362fddb4c7)

ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่คนทั้งโลกติดกันงอมแงม พัฒนาเฟสบุ๊คกับเพื่อนร่วมชั้น ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ที่ ฮาวาร์ด             
หลังจากที่เฟสบุ๊คได้รับความนิยมและทำเงินมหาศาล ก็หยุดเรียน เพื่อเป็นผู้บริหารของเฟสบุ๊คเต็มตัว ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก โดยปี 2010 นี้มีทรัพย์สินมูลค่าถึง 4 พันล้านดอลล่าร์     

ผมว่า คนเค้ามีแรงบัลดานใจ อย่างแรงอ่ะน่ะถึงไปได้และพรสวรรค์ของเค้าด้วยอ่ะน่ะ อิอิ

พรสวรรค์บวกพรแสวงเท่ากับความสำเร็จ

อยากเป็นหนึ่งในนั้นจริงๆ  :P

สงสาร จ๊อบ   ตอนนี้ลาไปรักษาโรคมะเร็ง

นั่นสิครับ กระผมก็คิดอย่างนั้นล่ะ

รวยจัง

555

ค้นพบตัวเองว่าเกิดมาเพื่ออะไรแล้วทำอย่างจริงจัง สุโค้ย

ไม่มี Vince McMahon อ่ะ

ก็เป็นแค่หนึ่งในเศษเสี้ยวของจำนวนคนบนโลก

เราเรียนหนังสือเพื่อเอา่ความรู้ไปหางานทำ เพื่อให้มี  "รายได้" ไว้แลกเปลี่ยนกับปัจจัยสี่และสิ่งจำเป็นในชีวิต

ถ้าเรามี "รายได้" ที่เพียงพอแล้ว แล้วการเรียนก็ไม่สำคัญ

นักฟุตบอลดัง เช่น เบคแฮม ก็ไม่รอให้จบ ม.ปลายก่อนค่อยมาเซ็นต์ สัญญากับแมนยู

ถูกต้องเลยครับ
ถ้าเราศึกษาดูประวัติเศรษฐีแต่ละคน จะรู้เลยว่าน้อยคนนักที่เรียนจบสูงๆ

อย่าง พี่เบิร์ด ก็ไม่ได้จบปริญญา
เสี่ยตัน โออิชิ ก็ไม่ได้เรียนสูง
ไอน์สไตน์ ก็ ไม่ได้เข้าโรงเรียนตอนเด็กๆ

ผมว่า คนเก่งจริงๆ มันอยู่ที่ความสามารถล้วนๆอ่ะครับ
ปริญญา เป็นแค่ เส้นทางใช้สมัครงาน
ถ้ามุ่งจะเป็นเศรษฐีจริงๆ ต้องมีจินตนาการ และชนะใจตนเอง ครับ 8)

การก้าวขึ้นไปอยู่ "เหนือ" คนอื่น ไม่ได้ทำกันง่ายๆ
ต้องอาศัยหลายอย่าง  ทักษะเฉพาะตัว เวลา โอกาส การสนับสนุนจากคนรอบข้าง การเอาเปรียบคนอื่น การรู้จักฉวยโอกาส ความโลภ ความเห็นแก่ตัว และที่สำคัญ เบื้องหลังโชคมหาศาลย่อมมีอาชญากรรม

ไม่มีใครได้อะไรมาฟรีๆ เค้าได้รับในสิ่งที่เค้าทุ่มเทลงไป

ไม่มีใครปฏิเสธว่า บิล เกตต์ใช้เส้นสายของแม่ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงใน IBM บีบให้รับเอาซอฟร์แวร์ของ Microsoft เข้าไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของ IBM จนกระทั่ง ครองตลาดส่วนมากไว้ได้ หรือแม้แต่การพยายาม "หยิบ" Interface ของ Mc ไปพัฒนาต่อจนกลายเป็น Windows

บางอย่างของหลายๆ คนที่เอ่ยชื่อมา น่ายกย่องและเอาเป็นแบบอย่าง แต่ในหลายๆ คน ก็มีหลายอย่างที่ไม่ควรเอาเป็ยเยี่ยงอย่าง

มีคำถามตามมาอีก เช่น

เราทุกคนต้องการ "รวย" ใช่หรือไม่.....

หรือจะเป็นอย่างเพื่อนผม

เรียนจบ ป.โท จาก US ด้วยตัวเอง ไม่เคยขอเงินทางบ้านตั้งแต่เรียนมัธยม ปัจจุบันทำงานอิสระ ก็ประมาณเดือนละ 3-50000 บาท ตามความขยันและโอกาส มีครอบครัวที่ดี ทุกวันศุกร์จะขนเข้าของกับครอบครัว แห่ไปเที่ยวกัน เย็นอาทิตย์ก็กลับบาน หรือถ้าไปไกลหน่อย ก็ให้ลูกๆ ขาดเรียน มีทุกอย่างเท่าที่คนอยากจะมี บ้าน รถ ไม่เป็นหนี้  (มันยังพยายามหาเมียน้อยอยู่ ติดแต่ว่ากลัวเมียมาก เลยไม่ได้ซักที) มีเวลากินข้าวกับครอบครัวทุกวัน ช่วยลูกทำการบ้านทำรายงานทุกครั้ง

เวลาใครคุยเรื่องปรัชญาเกี่ยวกับความสำเร็จในชีวิต มันจะหัวเราะทุกครั้ง แล้วบอกว่า ตัวมันเสียดายโอกาสมาก เพราะไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตเลย

แต่ผมว่า มัน "โคตร" รวยเลยอ่ะ

คนคิดเป็นจบ ป.4 ก็รวยได้ คุณว่าจริงไหม

การศึกษาแค่ทำให้เรามีเครดิตดีขึ้น มีโอกาสมากขึ้น

แต่หากเราไม่ฉลาดในการคิด วางแผน เราก็รวยไม่ได้

คนที่จากเดิมไม่มีอะไรหากคิดเป็นก็รวยได้

มันอยู่ที่EQเป็นสำคัญไม่ใช่IQ

ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ ที่พอจะเห็นกันชัดคือ

พวกจีนอพยพนี่แหละ  ใครๆก็ทราบว่า เขามาเสื่อผืนหมอนใบ

พอมาเเล้วไม่งอมืองอเท้า ทำทุกอย่าง ปลูกผักขาย ขายถั่ว ฯลฯ

จนเดี๋ยวนี้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆกันหมดเเล้ว ส่วนคนไทยที่เรียนมาแทบตายก็ไปเป็นลูกน้องเขาอีกที

เพราะฉะนั้นขอเป็นกำลังใจให้คนที่เรียนไม่จบหรือไม่มีโอกาสเรียนสูงครับ (ไม่ได้สนับสนุนให้ไม่เรียนนะ)

คนเรียนน้อยไม่ใช่จะรวยไม่ได้เพียงแต่ต้องพยายามมากกว่าคนเรียนสูงนิดหนึ่ง