หัวข้อ: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: rooney482 ที่ เมษายน 07, 2011, 10:26:00 PM อ่านข่าวหน้าหนึ่งเดลินิวส์ ทีแรกนึกว่าอ่านผิด
ศ.ดร.ชี้โบ้ชี้เบ้ : อันเนื่องมาจากเหตุแผ่นดินไหวในช่วงนี้เป็นเหตุให้เด็กไทยได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง ศ.ดร.เอาดีเข้าตัวเอาชั่ว... : ผิดแล้ว เพราะครูไทยทั่วประเทศไม่ได้มาตรฐานต่างหาก อืม... [หึ] โอเน็ตยังใช้ประกอบในการเข้าม.อยู่ใช่มั้ย สอบได้ครั้งเดียวในชีวิต แล้วทำไมไม่ตั้งใจสอบหรือไม่ใช่ที่ตัวเด็ก สับสนมากต้องพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อรู้ให้ได้ว่าระบบเค้าไปยังไงแล้ว ต้องเช็คตลอดเผื่อวันดีคืนดีพี่แกเปลี่ยนกฏเกณฑ์ใหม่ กลัวไม่ทันกลายเป็นว่าพลาดโอกาส และโครงการต่างๆมากมายที่เหมือนว่าจะช่วยลดน้ำหนักของกระเป๋าตังค์ เอาเถอะเดี๋ยวสังคมก็ลืม แล้วเด็กไทยก็...ต่อไป ผู้ใหญ่อิ่มหน่ำสำราญ บ้านเมืองเจริญญญญ... [ฮ่าๆ] [ฮ่าๆ] [ลมพัด] [ลมพัด] หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: sasasasa ที่ เมษายน 07, 2011, 10:34:27 PM 555 ผมได้เลข 4 เต็ม 100
แต่สุขศึกษาโหด 82.50 5555555555555555555555 หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: astrife ที่ เมษายน 07, 2011, 11:07:19 PM มันไปถึงไหน กัน แล้ว เนี่ยการสอบ ;D
หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: ก็ผมอร่อย ที่ เมษายน 07, 2011, 11:30:07 PM เห็นเด็กบอกว่าข้อสอบมันยากเกินไป แต่ยังไม่เห็นตัวอย่างเลยไม่รู้ยากจริงป่าว
แต่เห็นสมัยนี้ก็เน้นไปตระเวนสอบตรงกันมากกว่าหนิ ผมว่ามันอยู่ที่ทัศนคติที่ต้องเรียนระดับมหาลัยเป็นมาตรฐาน ไอคนที่ไม่อยากเรียนแต่ต้องเรียนเพราะต้องทำตามความหวังพ่อแม่ พวกที่ไม่อยาก 4 ปีผมว่าไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย สอบแค่ให้ผ่าน สู้เอาเวลาไปทำสิ่งที่อยากทำจริงๆ ก้าวหน้ากว่ากันเยอะ หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: petedoherty ที่ เมษายน 08, 2011, 12:43:13 AM ไทยแลนด์...............
หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: Meruto ที่ เมษายน 08, 2011, 01:05:52 AM ไทยแลนด์............... โอนลี่!!!เลขผมได้ 20 กว่าๆมั้งเต็มร้อย ยืนยันเลยครับว่ายากจริง เลขมันยังมีสูตรมีไรบ้าง แต่วิชาอย่างพวกสังคม ประวัติศาสตร์ นี่อาศัยจำล้วนๆครับ มันก็เลยกว้าง แถมคำถามออกมาซะยืดยาว คำตอบไม่เกี่ยวกันเลย เห้อ [ซึม] ผมปลงกับระบบการศึกษาไทยแล้วครับ หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: Haruka ที่ เมษายน 08, 2011, 11:54:14 AM ไม่มีอะไรมากหรอกข้อสอบยากเกินกว่าเหตุ ไม่ทราบว่ากระทรวงมีมาตรการอย่างไร ???
ต้องการให้เด็กไทยทำอะไร เห็นรูปแบบการศึกษาแปลงเปลี่ยนตลอดเวลา ทำให้เด็กงง เดี๋ยว o-net เดี๋ยว Gat-pat ไรมากมาย 8) แถมยังมาโทษครูบาอาจารย์ทั่วประเทศอีก ไม่ไหว :( หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: Haruka ที่ เมษายน 08, 2011, 11:56:39 AM 555 ผมได้เลข 4 เต็ม 100 แต่สุขศึกษาโหด 82.50 5555555555555555555555 5555555555+ โหดๆครับ หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: sasagee ที่ เมษายน 08, 2011, 01:34:28 PM ไม่เห็นแปลก ผมก็สอบตก ไม่เห็นซีเรียส แค่กลับบ้าน พ่อแม่ด่า ก็เท่านั้น ยิ่งดี หาสาวๆ มาช่วยติว สบายตัว
หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: Haruka ที่ เมษายน 08, 2011, 02:59:17 PM ไม่เห็นแปลก ผมก็สอบตก ไม่เห็นซีเรียส แค่กลับบ้าน พ่อแม่ด่า ก็เท่านั้น ยิ่งดี หาสาวๆ มาช่วยติว สบายตัว 555+ หาวสาวๆมาช่วยติว ติวนี่วิชาอะไรอ่ะครับ หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: ze7ez ที่ เมษายน 08, 2011, 07:49:06 PM เพราะงี้เขาเลยไม่กล้าให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์... :D
หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: SpecialOne ที่ เมษายน 09, 2011, 07:45:10 AM สงสารเด็กยุคนี้ เหมือนหนูทดลองให้พวกนักวิชาการ
ชีวิตคนทั้งคน แต่เอาระบบห่วยๆ การศึกษาห่วยๆมาใช้ ที่มีข่าวเด็กผูกคอตาย ฆ่าตัวตาย ก็เพราะระบบการศึกษานี้แหละครับ บางคน กู้ กยศ มา ... โชคดี ที่ผมผ่านความเครียดเหล่านี้มาได้แล้ว ... แต่ก็ใช้ว่าผมจะเอนติดนะ แต่ก็มีงานทำแล้วหล่ะ ;D หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: Vice President AVC ที่ เมษายน 09, 2011, 02:55:50 PM THAILAND ONLY !!!! ..... ดีนะที่ผมอยู่ ปี 3 แล้วไม่ได้สอบออนงออเน็ตกับเขาหรอก
หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: zxcasd50 ที่ เมษายน 09, 2011, 03:49:04 PM ผมจะสอบปีนี้เอง -*-
หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: s1Hol ที่ เมษายน 09, 2011, 04:18:33 PM เลขได้ 32 เต็มร้อย ผมอะ - -
หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: deathbringer ที่ เมษายน 09, 2011, 04:47:52 PM สมัยผมสอบเอนท์
รุ่นสุดท้ายด้วยซิ หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: ก็ผมอร่อย ที่ เมษายน 09, 2011, 05:46:59 PM ที่สุขศึกษาได้เยอะ เพราะมันมีเพศศึกษาใช่ไหม
ถามท่าไหน ตอบได้หมด [สบาย] วิธีแก้อย่างนึงคือถ้าวิชาในโรงเรียนมันไม่ทำให้นร.อยากเรียน ก็น่าจะสนับสนุนเรื่องนอกห้องเรียนบ้างนะ เท่าที่ผมผ่านมา เรื่องนอกห้องเรียนเป็นแค่กิจกรรมเสริม คนมันไม่อยากไปบังคับก็ได้แต่ไปเป็นเด็กแว๊นกะสก๊อยเท่านั้น หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: golfolo ที่ เมษายน 10, 2011, 03:09:18 AM สมัยผมนั่นยังถกเถียงเรื่องผ้าปูโต๊ะกันอยู่เลย
ข้อสอบก็ทำไม่ได้ คะแนนก็ออกมาแย่ ก็ต้องโทษตัวเองไม่มีปัญญาเข้ามหาลัยในฝัน ตัวเลือกสุดท้ายก็ต้องเรียน ม.เอกชน ฯลฯ หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: sompoat ที่ เมษายน 10, 2011, 04:28:52 AM เป็นแบบทดสอบที่นักวิชาการสร้างมาโดยมีเจตนาให้เด็กทำไม่ได้ ดังนั้น ไม่น่าแปลกอะไร
ข้อสอบไม่ได้มาตรฐานด้วย ไม่มีอำนาจการจำแนก ไม่มีความเที่ยง ไม่มีค่าความยากง่าย นักออกข้อสอบต้องการแสดง power ว่าตัวเองออกข้อสอบได้ดีมากจนไม่มีใครทำได้ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของการออกข้อสอบอย่างมาก ข้อสอบมีไว้เพื่อสอบในสิ่งที่สอน สังเวชใจกับผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในการจัดการศึกษามาก ว่างๆ น่าจะเอาแกลบไปยัดใส่สมองพวกมันสักที หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: nuttonut2 ที่ เมษายน 10, 2011, 10:45:10 AM ข้อสอบแม่ง หมาไม่แดก
จากผู้สอบจริง หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: sompoat ที่ เมษายน 12, 2011, 11:51:46 AM เกินกว่าคำว่า “น่าตกใจ” ภายหลังการประกาศผลโอเน็ต หรือวิชาพื้นฐาน เอเน็ต ว่าเด็กไทยสอบตกทั้งประเทศ อีกทั้งวิชาที่สำคัญเป็นพื้นฐานคะแนนยังต้อยต่ำสุดๆ ไทยรัฐออนไลน์ หอบเอาความหวังไปถาม รศ.ดรสมพงษ์ จิตระดับ ถึงวิกฤติการศึกษาไทยทุกวันนี้ว่าใคร สิ่งไหน คือจุดอ่อนการศึกษาของประเทศไทย...
เกินกว่าคำว่า “น่าตกใจ” ภายหลังการประกาศผล โอเน็ต หรือวิชาพื้นฐาน เอเน็ต ว่าเด็กไทยสอบตกทั้งประเทศ อีกทั้งวิชาที่สำคัญเป็นพื้นฐานคะแนนยังต้อยต่ำสุดๆ การออกข้อสอบยากมากเหมือนกับข้อสอบแข่งขันโอลิมปิก บางคำถามต้องตอบตัวเลือกให้ถูกถึง 2 ข้อถึงจะได้ 1 คะแนน ข้อสอบจากที่เคยเป็นปรนัยปีนี้กลายเป็นปรนัย-อัตนัยอย่างละครึ่งๆ แถมยังให้เวลาน้อยนิด เด็กหลายคนเลือกทำอัตนัยแล้วทิ้งปรนัยคะแนนจึงลดลงเลย ประเด็นสำคัญที่โดนพูดถึงคือ การออกข้อสอบโดยอาจารย์สาธิต ซึ่งเป็นแนววิเคราะห์มาก ดังนั้นเด็กที่ไม่ได้เรียนสาธิตก็สอบตกหมด อาจารย์ไม่สนใจในการสอนเพราะมัวแต่เอาเวลาไปทำภารกิจส่วนตัวเรื่องเลื่อน วิทยฐานะครู ทำให้คุณภาพการสอนในห้องเรียนไม่มี เด็กส่วนใหญ่ก็หันไปทุ่มเงินเรียนพิเศษ แต่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะมีเงิน “ถ้าให้พูดตรงๆ ถ้าไม่เรียนพิเศษหนูและเพื่อนๆ ก็ไม่ติดหมอหรอก แต่ถามจริงๆ มันไม่มีเด็กคนไหนอยากเรียนพิเศษถ้าครูในห้องตั้งใจสอนไม่ได้กั๊กเอาไว้และ แนะนำให้เราไปเรียนพิเศษปกติเรียนวันละ 8 ช.ม.ไปเรียนพิเศษถึง 2 ทุ่มกว่าจะกลับบ้าน กินข้าว อาบน้ำ ทำการบ้านเสร็จ ตี 1 อึดๆ ทึกๆ เพื่อรับมือกับข้อสอบที่ออกมายากๆ โรงเรียนก็มีมาตรฐานไม่เท่ากัน เด็กก็รวยจนไม่เท่ากันเงินเรียนพิเศษก็ไม่มีแล้วกระทรวงศึกษา สทศ. (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ) สมศ. (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา) ทำอะไรบ้างไหม ก็เปล่า...?” เป็นคำพูดที่สะท้อนปัญหาของเหล่านักเรียนได้อย่างดี ไทยรัฐออนไลน์ หอบเอาความหวังไปถาม รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์จากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงวิกฤติการศึกษาไทยทุกวันนี้ว่าใคร สิ่งไหน คือจุดอ่อนการศึกษาของประเทศไทย Q : ในฐานะคนที่คลุกคลีด้านการศึกษามา ดูผลประกาศว่าเด็กสอบโอเน็ตตกทั้งประเทศแล้วรู้สึกอย่างไร A : จริงๆ มันตกร่วงมา 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการปฏิรูปรอบแรกกับปฏิรูปรอบนี้ แล้วผลที่ออกมาถามว่าสะท้อนอะไรผมมองว่ามันคือการวัดผลประเทศเรานี้ คือการสอบเป็นกระบวนการที่สอบแล้วไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไรประการแรกเลย เด็กจึงไม่ตั้งใจสอบ เพราะคิดว่าสอบไปทำอะไร ถึงสอบตกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญ สอบตกก็ไม่เลื่อนชั้น อีกอย่างบ้านเรามันใช้วิธีการจับฉลากเข้าเรียนแล้ว การสอบมันเยอะเกินไป คืออย่างปีนี้ ตารางสอบโอเน็ตกับแกทแพทห่างกันไม่มาก คนจึงหันไปทุ่มกับแกทแพท เพราะเวลาเข้ามหาวิทยาลัยต้องใช้คะแนนนี้ถึง 50% ขณะที่โอเน็ตใช้เพียง 30% และเป็นข้อสอบที่มีเนื้อหาอยู่ในหลักสูตร ไม่จำเป็นต้องไปเรียนกวดวิชาเพิ่ม เฉพาะที่เรียนในห้องเรียนก็น่าจะทำได้เลยไม่ค่อยตั้งใจสอบคะแนนโอเน็ตใน ภาพรวมก็เลยออกมาต่ำ นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมมองก็คือว่าปีนี้ข้อสอบเปลี่ยนฉะนั้นเราจะเห็นว่าเด็กที่ จะสอบภาษาไทย สังคม ภาษาอังกฤษ 3 ชั่วโมง 3 วิชา มันจะสอบภาษาไทยกับสังคม แล้วภาษาอังกฤษมันจะทิ้ง ทำให้คะแนนภาษาอังกฤษออกมาแบบที่เห็นก็คือตกมากมาย สทศ. เริ่มมีแนวข้อสอบที่หลากหลาย บางคำถามต้องตอบถูกถึง 2 ข้อถึงจะได้ 1 คะแนน ส่วนข้อสอบที่เคยเป็นปรนัยมาปีนี้กับปีที่แล้วกลายเป็นปรนัย-อัตนัยอย่างละ ครึ่งๆ แล้วก็จำกัดเวลา หลายคนจึงเลือกทำอัตนัยก่อนแล้วทิ้งปรนัยคะแนนจึงห่วยอย่างที่เห็น Q : อาจารย์กำลังบอกว่าข้อสอบแปลกๆ ของ สทศ. (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ) ก็มีส่วนทำให้ผลลัพธ์ออกมาแบบที่คนช็อก คือสอบโอเน็ตตกทั้งประเทศ...? A : ใช่ เรื่องข้อสอบ ประเด็น กระบวนการสอบ เหล่านี้ก็มีผล แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่ามีผลคือกลุ่มคนที่ออกข้อสอบเป็นอาจารย์ โรงเรียนสาธิตทั้งหมด อาจารย์จากโรงเรียนอื่นๆ ไม่มีส่วนในการออกข้อสอบนะครับ เพราะฉะนั้นข้อสอบมันจึงยาก (เน้นเสียง) ข้อสอบเป็นลักษณะในเชิงวิเคราะห์มาก ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของโรงเรียนสาธิต เด็กสาธิตจึงทำได้ไม่บ่น แต่เด็กโรงเรียนส่วนใหญ่ทั้งประเทศจะเน้นความรู้ความจำ เน้นเรียนจากหนังสือ ไม่เน้นวิเคราะห์ ข้อสอบที่ออกมาจึงมันขัดแย้งกับตัวเด็ก แล้วตัวผู้ออกข้อสอบนั้นก็ไม่ได้สอนเด็กส่วนใหญ่ของประเทศด้วย อันตรายมากๆ Q : แล้วอาจารย์ที่ออกข้อสอบเหล่านี้ใครเป็นคนคัดเลือก A : สทศ. (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ) กำหนดว่าต้องเป็นอาจารย์โรงเรียนสาธิต ฉะนั้นกลุ่มผู้ออกข้อสอบกับเด็กที่สอบนี้ไม่ใช่ครูและนักเรียนโดยตรง อีกปัญหาหนึ่งที่เห็นจากการลงภาคสนามของผมมาตลอด ผมลงไปทำเรื่องสภาเด็ก ทำเรื่องเยาวชนมากมาย พวกเขาบอกว่าเด็กๆ กังวลมากว่าอนาคตข้างหน้า ครูบาอาจารย์จะทิ้งเด็กไม่สอนหนังสือ ไม่ทุ่มเท จ้ำจี้ จ้ำชัยเหมือนแต่ก่อน มัวแต่ไปทำเรื่องส่วนตัวกันหมด ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นก็คือที่ผ่านมาครูจะเจริญก้าวหน้าเงินเดือนสูงมาก แต่คุณภาพเด็กกลับตกต่ำ ฉะนั้นการออกแบบเรื่องทำวิทยฐานะในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ จุลานนท์ เป็นการหลงทางครั้งใหญ่ของประเทศ ทำให้ครูเนี่ยเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำเรื่องวิทยฐานะกันหมด จึงไม่มีคนใส่ใจคุณภาพเด็ก ผมถามว่าวันนี้เด็กตกกันทั้งประเทศยังไม่มีใครมารับผิดชอบ ไม่มีบทลงโทษ และผลที่เกิดออกมากับ สทศ. (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ) สมศ. (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา) เวลาที่มันวัดผลเกิดขึ้นมาไม่ได้มีการเอาไปใช้ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพ เด็ก ต่างคนต่างอยู่ต่างยึดกฎหมาย ยึดสถาบัน ยึดองค์กรตัวเอง "กูมีหน้าที่สอบกูก็สอบ กูมีหน้าที่ออกข้อสอบ เด็กมึงตกมันก็ไปรับผิดชอบกันเอง" Q : ไม่มีเจ้าภาพรับผิดชอบที่ชัดเจน A : ใช่ มีแต่ครูจะได้ซีเพิ่มขั้น แต่เวลาเด็กตกไม่มีใครมารับผิดชอบอะไรเด็กเลย Q : หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าการออกข้อสอบแปลกๆ แบบนี้เกินหลักสูตรไปไหม A : จริงๆ มันก็ไม่เกินหลักสูตรหรอก แต่ว่า มันเป็นข้อสอบที่ยากกว่าเด็กปกติ เป็นข้อสอบในเชิงวิเคราะห์ แต่ถ้ามองข้อสอบดีในเชิงวิเคราะห์ก็แปลว่าคนไทยได้คิดมากขึ้น Q : แต่ว่าเราไม่ได้สอนเขาแบบนั้น A : มันก็ไม่เป็นธรรม อาจารย์ที่ออกเขาเอามาตรฐานเด็กโรงเรียนสาธิต ให้คิดวิเคราะห์ทุกวันวิพากษ์วิจารณ์อะไรๆ มันฝึกตลอด พอคุณเอาวิธีวิธีการสอนเด็กกลุ่มหนึ่งมาวัดเด็กกลุ่มหนึ่งมันจึงไม่ยุติธรรม Q : ทางแก้ไขคือ A : ดีที่สุดก็คือ ยุบ สทศ. ยุบ สมศ. ไปเถอะรำคาญ คือเมื่อคุณวัดขึ้นมาแล้วมันไม่ใช่ประโยชน์ ถ้าวัดออกมาแล้วเครื่องมือไม่สอดคล้องและมันใช้งบประมาณมากก็ยุบไปเถอะเสีย เงินเปล่าๆ Q : การเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการบ่อยมีผลไหม A : มีครับ มันทำให้ข้าราชการระดับสูงนี้ใส่ใจเรื่องคุณภาพ มันก็มัวแต่ตามนโยบายลมเพลมพัด นโยบายไฟไหม้ฟาง นโยบายของตัวเอง ฉะนั้นจึงไม่ทุมเท ก็ไปใส่ใจในตัวนโยบายเฉพาะกิจหรือนโยบายส่วนตัวของรัฐมนตรี คุณภาพเด็กที่ลงไปบริหารกับครูในโรงเรียนมันก็ลดน้อยลง ความเอาจริงเอาจังก็มันหายไปเยอะ การตรวจราชการ การติดตามเอาใจใส่อะไรพวกนี้ ข้าราชการส่วนกลาง ดังนั้นผมเสนอให้มีการคาดโทษอย่างหนักกับคนทำให้ผิดพลาดแต่นี่ไม่มี ทั้งๆ ที่ผลออกมาเด็กสอบโอเน็ตตกทั้งประเทศมันต้องรับผิดชอบกันทั้งกระทรวง แล้วผลออกมาใครรับผิดชอบ ไม่มี จริงๆแล้วผู้ใหญ่ต้องเป็นคนรับผิดชอบผมเสนอว่าทางออกคือต้องเอาผลการประเมิน ระดับโรงเรียนไม่ว่า สทศ. สมศ. และนำคะแนนเป็นตัวตั้ง มาจัดกลุ่มกัน กลุ่มนี้ต้องแก้ไขปรับปรุงมาก กลุ่มแก้ไข กลุ่มปานกลาง กลุ่มดี พอรู้ปัญหาก็ระดมคน สื่อการเรียนการสอบ อุปกรณ์ต่างๆ ลงไปช่วยเหลือเด็กห้องต่างๆ อย่างทั่วถึงและเป็นระบบ 2554 คำถามที่ต้องการคำตอบ เมื่อเด็กสอบโอเน็ตตกทั่วประเทศ...? 1.กระทรวงศึกษาธิการและผู้เกี่ยวข้องรู้ไหมว่าสาเหตุหลักที่เด็กสอบโอเน็ต หรือวิชาพื้นฐานตก เพราะวันนี้ในโรงเรียนเน้นทำการบ้านส่ง 70-80 % แต่ว่าการสอบจริงในห้องเรียนมีแค่ 20-30 % เท่านั้น คำถามก็คือวันนี้เด็กได้รับการฝึกฝนในการทำข้อสอบมาเพียงพอหรือเปล่า ถ้าไม่พอแล้วทำไมไม่เพิ่มเติม 2.คำถามก็คือ เมื่ออยากรู้ว่าครูมีคุณภาพไหมทำไมไม่เอาครูมาสอบเอ็นทรานซ์เทียบกับเด็กจะ ได้รู้ไปเลยว่าครูมีความรู้พอที่จะสอนหรือเปล่า ซึ่งมันจะสะท้อนได้ว่า ถ้าคุณครูคะแนนต่ำกว่าเด็ก 1.สถาบันผู้สอนต้องล้มเหลวแน่ ๆ 2.วิธีการสอนต้องล้มเหลวแน่ๆ 3.ถ้าเอาครูมาสอบเอ็นทรานซ์แล้วครูคะแนนไม่ดีมันก็ยืนยันความล้มเหลวแน่ๆ ดังนั้นจะได้รู้ว่าอะไรคือราก จุดอ่อนของการศึกษาเมืองไทยที่ล้มเหลวเสมอๆ เรื่องง่ายๆ แบบนี้ผู้มีส่วนรับผิดชอบทำอะไรบ้างหรือยัง 3.ทำไมนโยบายการศึกษาเรามักจะสนับสนุนให้คนเก่ง เรียนแพทย์ เรียนวิศวะแต่สนับสนุนให้คนไม่มีทางเลือกไปเรียนครู ซึ่งครูทำหน้าที่ผลิตครูก็คืออาจารย์ในสถาบันราชภัฏต่างๆ แล้วคนผลิตก็ไม่ฉลาด คนถูกผลิตก็ไม่ฉลาด ขบวนการผลิตก็ไม่ฉลาด แล้วกระบวนการจัดการเรียนการสอนก็ไม่ฉลาด ประชากรศึกษาที่มีความรู้ก็รู้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผู้มีส่วนรับผิดชอบทำอะไรบ้างหรือยัง 4.ทำไมไม่กำหนดก่อนว่าข้อสอบจะประเมินอะไรของเด็กที่จะเข้ามาเรียน เหมือนกับที่สถาบันศึกษาจากต่างประเทศที่มีการทดสอบที่มีประสิทธิภาพนัก เรียนเพื่อจะได้รู้ทิศทางความถนัดและความชื่นชอบเพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็ก ให้ถูกต้องและตรงทิศทาง 5..ย้อนหลังกลับไป 15 ปีที่แล้วมีการสอบเอ็นทรานซ์เพียงแค่ครั้งเดียว กล่าวคือสอบได้ก็ได้ สอบไม่ได้ก็ไม่ได้ ก็ตก ไม่เหมือนวันนี้ที่ต้องผูกชะตาชีวิตเด็กขึ้นกับครู และระบบแอดมิดชั่นใช้เกรด+กับการสอบ และคำถามใหญ่สุดท้ายก็คือครูทุ่มเทใช้จิตวิญญาณสอนอย่างเต็มทีได้แค่ไหน…? นี่คือคำถามเสี้ยวจากที่ไทยรัฐออนไลน์ประมวลมาจากผู้รู้มากมาย นอกจากต้องการคำตอบแล้ว ยังต้องการผู้รับผิดชอบเมื่ออนาคตของชาติสอบวิชาพื้นฐานตกทั้งประเทศ ด้วย...? ที่มา ไทยรัฐ 11 เมษายน 2554 หัวข้อ: Re: ตะลึง!!! เด็กไทยสอบตก O-net ยกประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: rooney482 ที่ เมษายน 12, 2011, 03:09:47 PM ญาติผมก็คลุกคลีกับวงการนี้
เข้าใจเลยที่ว่าเรื่องไม่ค่อยสอนในห้องแล้วค่อยจ้องจะอัพเกรดตัวเอง ข้อสอบก็ต้องสามข้อถึงจะได้คะแนน เท่าที่เค้าบ่นให้ฟังอะน่ะ ในโรงเรียนคนที่สอนจิงจังแทบนับคนได้ ข้อสอบโหดไปมั้ย ของนายร้อยยังข้อละ0.25คะแนน อันนี้สามข้อผิดข้อนึงที่เหลือสองลอยละลิว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() AV Community Since 2009 : AVCollectors.com - Advertising please contact [email protected] |