AVC

-- ภาค 1 บนแผง --

หนังสือโป๊ยุคแรกของเมืองไทย เป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องเพศศึกษาในเชิงวิชาการ มีลักษณะเป็นตำรามากกว่าหนังสือโป๊

หนังสือ โป๊วางขายบนแผงอย่างจริงจังครั้งแรกราว พ.ศ. 2490 โดยมีหนังสือในเครือ "ชาติไทย" เป็นเจ้าตลาด รูปเล่มมีขนาดเท่าสมุดเลกเชอร์ ภาพปกและหน้ากลางพิมพ์ 4 สี เนื้อในเป็นขาวดำ ภาพประกอบมีทั้งภาพวาดและภาพถ่าย ได้มาจากหนังสือฝรั่งและถ่ายเอง แต่เป็นแค่ภาพวาบหวิวเท่านั้น เนื้อเรื่องเป็นแนวอีโรติก ที่ใช้ภาษาสวยงาม

หนังสือ โป๊ตลาดบนเริ่มเปลี่ยนปกมาเป็นกระดาษอาร์ต 4 สี และเข้าเล่มแบบใสกาว แต่เนื้อหายังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องอีโรติก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2515 "แมน" ก็ปฏิวัติวงการหนังสือโป๊ด้วยการเปลี่ยนมาขายภาพนู้ดบนปกและหน้ากลางควบคู่ ไปกับเนื้อหาที่เป็นเรื่องสั้น บทกวี และสารคดี แฝงอุดมการณ์ทางการเมือง แทนเรื่องอีโรติกแบบเต็มๆ อีก 3 ปี ถัดมา "หนุ่มสาว" ก็เดินตามรอย "แมน" ด้วยการดึงนักคิดนักเขียนดดังๆ ในยุคนั้นมาเขียนลงในเล่มเดียวกัน

ทั้ง "แมน" และ "หมุ่นสาว" ต่างก็ให้ความสำคัญกับภาพประกอบมาก มีการคัดนางแบบ มีการจัดองค์ประกอบภาพ และใช้ซอฟต์เลนส์ในการถ่าย ชางภาพนู้ดชื่อดังอย่าง "ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์" ก็แจ้งเกิดในยุคนี้

ช่วง ปี พ.ศ. 2525 หนังสือโป๊มีวิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้นด้วยการนำเนื้อเรื่องแบบหนังสือตลาด ล่างอย่าง "ระทึก" มารวมกับภาพจากหนังสือตลาดบนอย่าง "หมุ่นสาว" จึงเกิดหนังสือโป๊ปกสีเข้าเล่มแบบมุงหลังคา ซึ่งมีออกมากว่า 50 ปี ในช่วงเวลา 5 ปี ทุกเล่มมีเนื้อหาคล้ายกัน คือ นิยาย ตอบปัญหาทางเพศ จดหมายเล่าประสบการณ์ทางเพศจากคนอ่าน และอาวุธที่ทุกเล่มมีเหมือนกันก็คือ การให้คนอ่านสั่งซื้อภาพลับเฉพาะของนางแบบได้

ภาพ ของนางแบบเน้นความคมชัด ไม่ใช้ซอฟต์เลนส์ แต่มีการจัดฉาก แต่งตัวให้นางแบบด้วยสร้อย ถุงมือ ถุงน่อง และอันเดอร์แวร์สวยๆ ยุคนั้นมีการแข่งขันกันสูงมาก ยอดขายจึงขึ้นกับหน้าตาของนางแบบมากว่าหัวหนังสือ เจ้าตลาดในสมัยนั้นคือ "ทีเด็ด" และ "นวลนาง" (ของ บ.ก.ชไมพร) ซึ่งยังมีขายถึงทุกวันนี้ (พ.ศ. 2546)

" ไทยเพลย์บอย" โดยทีมงาน ของเฮียกังฟู เป็นหนังสือเล่มแรกที่แบ่งเรื่องออกเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน เช่น ครั้งแรกที่ประทับใจ แอบดูเล่าสู่่กันฟัง และคอลัมน์ที่ให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับสวิงกิ้ง ฯลฯ เนื้อเรื่องทั้งหมดระบุว่าเป็นจดหมายจากทางบ้านแต่ต่างจากเล่มๆ อื่นตรงภาษาและสำนวนค่อนข้างดิบ ตรงและหลากหลายเหมือนคนอ่านเขียนมาเองจริงๆ ถึงรูปเล่มและนางแบบในช่วงแรกจะเชยมาก แต่หนังสือก็ติดลบบนอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จนมาถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2546)

เมื่อ "ไทยเพลย์บอย" สร้างกระแส สวิงกิ้งขึ้นมา "บันทึกชีวิตรัก" ก็สานต่อด้วยการเป็นเล่มแรกที่เสนอแต่เรื่องสวิงกิ้งทั้งเล่ม และเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตาจนเกินไป ในยุกแรก ภาพของนางแบบบนปกและปกในจึงแต่งกายแบบมิดชิดเกินกว่าจะคิดว่าเป็นหนังสือโป๊ ถึงวันนี้ "บันทึกชีวิตรัก" ก็ยังมีขาย (พ.ศ. 2546)

" ไฟกลางคืน" เป็นเล่มแรกที่เปลี่ยนมาเขียนแนะนำแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนแทนเรื่องอีโรติก โดยยืนยงมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 ยุคหลังมีการปรับเปลี่ยนรูปเล่มและชื่อให้เหมาะกับยุคสมัยขึ้น แต่ยังมีจุดขายในการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเหมือนเดิม

หลัง จากมีการกวาดจับหนังสือโป๊ครั้งใหญ่ หนังสือที่หมิ่นเหม่หลายๆ เล่ม ถูกปัดตกแผง ที่ยังขายบนแผงได้จึงเหลือแค่หนังสือโป๊ตลาดบนเท่านั้น คือหนังสือในกลุ่มที่เป็นภาพนู้ดพิมพ์ 4 สี ทั้งเล่ม และมีเนื้อหาวาไรตี้

-- ภาค 2 ใต้แผง --

หนังสือ ปกขาวถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองกำลังฟื้นจากพิษไข้สงครามโลกครั้งที่ สอง รูปเล่มเป็นแบบใสกาว มีขนาดเท่าพ็อกเกตบุ๊คที่สามารถเสียบเข้ากระเป๋าหลังได้ หน้าปกเป็นรูปผู้หญิงพิมพ์สีเดียวบนพื้นขาว จึงเป็นที่มาของชื่อหนังสือปกขาว เนื้อหาข้างในเน้นการเร้าอารมณ์เป็นหลังก กลางเล่มแทรกภาพสยิวคู่ชายหญิงแบบจะๆ ที่ดึงมาจากหนังสือโป๊เมืองนอกไว้ประมาณ 4 ภาพ ราคาปกที่แพงสุดมีราคาถึง 100 บาท ในสมัยที่ก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท

พอ เทคโนโลยีการพิมพ์เข้าสู่ระบบออฟเซต 4 สี หนังสือโป๊เมืองไทยก็เปลี่ยนจากยุคปกขาวมาเป็นปกสี เนื่องจากต้นทุนที่ถูกลงและสีสันที่อะร้าอร่ามขึ้น แรงขับดันที่ทำให้เกิดหนังสือโป๊ปกสีใต้แผงนั้นมาจากข้อจำกัดเรื่องการใช้ ภาษาและการลงรูปภาพของหนังสือโป๊บนแผง รูปเล่มของหนังสือโป๊รุ่นนี้มีขนาดเท่าสมุดเลกเชอร์ มีภาพสีที่ปกและหน้ากลาง ที่เหลือเป็นขาวดำ เข้าเล่มด้วยการเย็บแบบมุงหลังคา จึงไม่มีปัญหาหน้ากระดาษหลุดติดมือ


หนังสือ โป๊ที่มีฉากรักของคนไทย มีการถ่าย และการจัดแสงแบบมืออาชีพครั้งแรก เกิดขึ้นปี พ.ศ. 2528 ในชื่อ "เปิดบริสุทธิ์" พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ต 4 สีทั้งเล่ม คัดนางแบบที่หน้าตาดี หุ่นดี และมีดีกรีเคยถ่ายปฏิทิน ถ่ายโฆษณามาแล้ว มาถ่ายคู่กับผู้ชายแบบโจ๋งครึ่ม ถือเป็นต้นกำเนิดของหนังสือภาพคู่แนวฮาร์ดคอร์ และ "เปิดบริสุทธิ์" ยังเป็นหนังสือโป๊ใต้แผงเล่มแรกที่มีการสร้างแบรนด์ของหัวหนังสือขึ้นมา ซึ่งยังคงยืนยงอยู่จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2546)


ใน ช่วงที่ "เปิดบริสุทธิ์" เป็นหนังสือโป๊ใต้แผงที่เจาะตลาดบนโดยการเน้นรูป "เต้นท์" และ "ประสบการณ์" ก็วางตัวเองอยู่ในตลาดล่าง โดยเน้นการใช้ภาษาอาร์ดคอร์แบบปกขาว ใช้ภาพประกอบเป็นภาพคู่ชายหญิงทั้งจากหนังสือฝรั่งและถ่ายเอง


ใน ยุคที่มีการกวาดจับอย่างมากจนหนังสือโป๊บนแผงกลายเป็นของผิดกฎหมาย หนังสือโป๊บนแผงก็เลยพากันลงไปขายใต้แผง และในเมื่อไหนๆ ก็อยู่ใต้แผง ทุกเล่นจึงพร้อมใจกันเปิดอ้าเต็มที่ทั้งเรื่องทั้งภาพ โดยมี "ซุปเปอร์เซ็กซี่" เริ่มลุยเจ้าแรกโดยการใช้ภาษาฮาร์ดคอร์แบบหนังสือปกขาว และในส่วนภาพประกอบ ก็คัดมาจากภาพลับเฉพาะที่เปิดให้ผู้อ่านสั่งซื้อสมัยที่ยังเป็นหนังสือบนแผง


นาง แบบในยุคหลังเริ่มสวยใสขึ้นเรื่อยๆ จนไม่เหมาะที่จะนำมาถ่ายคู่กับผู้ชาย "วีนัส" จึงเปิดตลาดใหม่ ด้วยการเลือกนางแบบที่สวยมากๆ มาถ่ายคู่กับของเทียม และพืชผัก ผลไม้ โดยมีองค์ประกอบศิลป์ของภาพใกล้เคียงกับภาพแฟชั่นตามนิตยสารทั่วไป เข้าเล่มแบบใสกาว และพิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม

ได้ความรู้และรำลึกความหลังได้ดีจริงๆครับ

โอ้ว เกิดไม่ถึงยุคแรกๆ อยากลองอ่านมั้ง

เคยเห็น นวลนาง เล่มเก่าๆแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีประวัติยาวนานขนาดนี้ [ยิ้ม]

ได้ความรู้ดีมากๆเลยครับ

ขอบคุนสำหรับความรู้ดีๆครับ

กลับมาเถิดวันวาน

ไม่ทราบตกหล่นไปช่วงนึง...ช่วงเวลาของหนังสืออย่าง..สยามหนุ่ม...ตอนนั้นชอบนักเขียนที่ชื่อ..แกม มหรรณพมาก อ่านทีรัยเป็นต้องเสียวหัวล่างเป็นยิ่งนัก ตำนาน สยามหนุ่ม น่าจะเกิดก่อน...ทีเด็ดและนวลนาง และไม่แน่ใจในข้อมูลว่า ไทยเพลย์บอยจะเกิดยุคสุดท้ายที่สบามหนุ่ม โรยรา จำได้ว่าเคยหยิบเล่มแรก ของไทยเพลย์บอย แต่ทำรูปเล่มได้แย่มาก และหนังสือก็หายไปจากตลาดจากนั้นไม่ยาย แต่พอเมื่อยุค ทีเด็ด นวลนาง เริ่มส่องประกาย จึงเกิดการรีเทิร์นครั้งใหม่ของไทยเพลย์บอย ในลุกซ์เถื่อนดิบดั่งที่ท่านเขียนมาข้างต้น

อีกกระทู้..
ต้องขมาท่านประทานด้วย หากข้อมูลผมไม่ได้เป็นอย่างที่ร่ายมาข้างต้น ก็ขอแค่เป็นคนแก่รำลึกความหลัง ... 555 ผิดพลาดไม่ว่ากันนะครับ

เคยซื้อหนังสือโป๊ญี่ปุ่น ราคา 500 sale เหลือ 250 โอ้ เมื่อก่อนมีแค่นั้นก็สวรรค์แล้ว

อยากได้ อัลบัมลับเฉพาะ ของ จริยา สมชนะ จัง

โห ตั้งแต่สมัยไหนเนี้ย ขุดมาได้ โครตนับถือเลย 555