อ๋อ เป็นเรื่องปกติครับ เพราะการส่งสัญญาณภาพจากม่านตามไปยังสมองจะมีการหน่วงเวลานิดนึง ที่เราเรียกกันว่า ภาพติดตา จากนั้น ภาพใหม่จะเข้ามาทันทีเลย ภาพก็เลยซ้อนกัน จากนั้น ก็แล้วแต่ประสบการณ์และความทรงจำจากสมองของแต่ละคนจะทำการเทียบเคียงว่า ภาพที่เห็นคืออะไร ที่สำคัญคือ ภาพแบบนี้มักจะมีความคงทนในความทรงจำสูงมาก
ถ้าจำกันได้ หลายสิบปีก่อน นักโฆษณาคนหนึ่งชื่อ สุชาติ วุฒิชัย ทำหนังเรื่องนึงที่ดราม่าสุดสุด บีบคนดูมากๆ เรื่อง น้ำผึ้งหยดเดียว ที่ไม่ธรรมดาคือ แกใช้สป็อตโฆษณาที่สั้นมากๆ ยิงภาพนิ่งในหนังที่มีนางเอก (คุณนิจ อลิษา) กับคำว่า น้ำผึ้งหยดเดียว แค่ไม่กีวินาที สมัยนั้น วงการสื่อบ้านเรายังไม่รู้เรื่องนี้ (แต่ทางตะวันตกสั่งห้ามโฆษณาแนวนี้นานแล้ว เพราะมีผลเหมือนการล้างสมองเลย) ผลก็คือ ปัจจุบันนี้ ผมยังจำภาพโฆษณานั้นได้ชัดเจนอยู่เลย.......
เรื่องนี้ เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ มีปรากฏในหนังสือการ์ตูนเรื่อง มายะ มิดไนท์เลดี้
ในสมัยก่อน การฉายภาพยนตร์ นิยมวิธีโฆษณาแบบนี้พอสมควร แต่ด้วยเหตุผลทางจริยธรรม จึงถูกสั่งห้าม
แต่ในโฆษณา ส่วนมาก จะเป็นสินค้า เช่น คนดื่มโคล่า หรือ ทานขนมต่างๆ
ซึ่งคนดูหนัง ไม่เห็นภาพนี้ แต่ที่เห็นคือ ระบบประสาทของเราเอง เมื่อออกจากโรงหนัง ทำให้อยากดื่มโคล่า หรือทานขนม
เพราะออกมาแล้ว เห็นป้ายโฆษณาโคล่า หรือขนมตัวนั้น ที่หน้าโรงพอดี ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าของโรงหนัง จงใจเอามาวางขายนั่นเอง
เป็นผลมาจาก ภาพติดตา อย่างที่ว่าครับ แต่คนส่วนใหญ่ จะนึกไม่ออกว่า ทำไมถึงอยากกิน รู้แต่ว่า เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
ภายหลัง ทริกนี้ ถูกแฉออกมา จึงถูกทางการสั่งห้ามเด็ดขาด
เพราะหากไม่ใช่ภาพโฆษณา แต่ดันมีคนทะลึ่ง เอาภาพอื่นใส่เข้าไปแทน อย่างภาพของการฆ่าคน หรือ วางระเบิด อะไรจะเกิดขึ้น...