ก็แบบนี้แหละครับดาราเยอะเกิน ใครจะไปซื้อไหว
ตลาดโตแบบไร้ทิศทาง กลับกันนักแสดงเยอะขึ้นทุกวัน สวนทางกับรายได้
กลับกันเลยครับ เป็นเพราะมีแต่ปลิงปากบอกว่าชอบแบบนั้นแบบนี้ ชาบูกันสุดๆแต่ดูฟรีอย่างเดียวซะเยอะ
เขาถึงต้องขยายตลาด หาตลาดเฉพาะ เพื่อให้ขายงานได้มีกำไร ไม่ใช่ดันทุรังดันแต่คนเดิมๆแต่ยอดไม่กระเตื้อง
ดาราดังๆหลายๆคนที่สวยๆแต่เลิกก็น่าจะเพราะโดนลดค่าตัวลงจนเจ้าตัวเองก็มองว่าไม่คุ้มแล้ว
เพราะมีแต่คนชมแต่คนซื้อมีไม่ถึงครึ่งคนชม ค่าตัวเลยลดลง
กลับกันดาราที่ไม่สวย ไม่ดังกลับมีงานถี่แทบจะทุกเดือน บางคนเดือนละหลายเรื่อง(พวกหนังรวม)
นั่นเพราะตลาดตรงนั้นเขามีคนซื้อจริงๆ ไม่ใช่มีแต่คนอวยแต่ไม่ซื้อ
เขาทำของออกมาขายเยอะๆไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่มีคนซื้อ ดาราพวกนั้นก็คงไม่เล่นถ้าเงินไม่คุ้ม
อีกอย่างวงการนี้ก็เหมือนวงการเด็กอางไซด์ไลน์
เวลาลูกค้ามาที่ร้าน คำถามแรกๆที่จะถามคือ มีเด็กใหม่ๆแจ๋วๆไหม?
นั่นทำให้แทนที่จะมุ่งไปที่การดันดาราเดิมๆอย่างเดียว เดี๋ยวนี้จึงมีดาราเดบิวกันเดือนละ 6-7 คน
ค่ายก็ฟันยอดขายตอนเดบิวท์ ดาราเดบิวท์ก็ได้เงินก้อนแรก ส่วนจะทำต่อหรือจะเลิกก็อีกเรื่อง
ค่ายถึงได้ง้อดาราเก่าน้อยลงด้วย
ยิ่งวงการโตขึ้นก็ยิ่งแข่งขันกันสูงขึ้น มันไม่แปลกที่จะมีคนไม่ประสบความสำเร็จเยอะ และมันเป็นทุกวงการ
ทุกคนทำช่องยูทูปได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนทำแล้วดัง ทำแล้วได้เงิน
ดาราอย่างยูอะ มิคามิ เปรียบไปก็เหมือนนางเอกตัวท็อปช่องมากสี กับนางเอกช่องเคเบิ้ล มันเทียบรายได้กันไม่ได้อยู่แล้ว
พยายามเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดครับ
คิดแล้วมันก็ยาก ถ้าจะทำอะไรให้ถูกใจคนส่วนใหญ่ และ ส่วนน้อยไปพร้อมๆกัน