ส่วนตัวผมเก็บในฮาร์ดดิสค์แบบinternal อย่างเดียวเลยครับ ด้วยเหตุผลส่วนตัว ที่ต้องการเรียกใช้ไฟล์ได้อย่างสะดวกทันทีเพราะชอบตัดต่อวิดีโอ ถ้าฝากบนคลาวด์นอกจากต้องเสี่ยงโดนลบไฟล์แล้ว ก็ต้องเสียเวลาโหลดกลับลงเครื่องอีก ตอนฝากก็เสียเวลาอัพ ถ้าใช้ฮาร์ดดิสค์แบบexternal ก็ต้องต่อusb แล้วโหลดกลับเข้าเครื่องอีก เพราะตัดต่อผ่านusbมันช้า ถึงจะเป็น usb 3.0 ก็เทียบไม่ได้กับ SSD M.2 NVME ถ้าใช้ NAS ก็หลักเดียวกันกับฝากบนคลาวด์ เพราะฉะนั้นการเก็บไว้ใน internal ฮาร์ดดิสค์เหมาะกับความต้องการผมที่สุดครับ
ทีนี้มาว่ากันว่า ทำไงให้ความเสี่ยงน้อยที่สุด เพราะผมเองก็ผ่านการเสียหนังจำนวนมาก เพราะฮาร์ดดิสค์พังมาแล้ว จนต้องมาตั้งกระทู้เมื่อหลายปีก่อน เรียกว่าจำฝังใจจากความไร้ประสบการณ์
และจากครั้งนั้น ทำให้ผมมาวิเคราะห์ว่าทำยังไงไม่ให้ประว้ติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะตอนแรกใช้งานแบบเด็กน้อยไม่รู้อะไร
เลยสรุปหลักได้ 6 ข้อดังต่อไปนี้ (แต่ทำได้แค่ 5 ข้อ ตามงบประมาณที่ต้องมีลิมิท)
1. ใช้ฮาร์ดดิสค์รุ่นที่ทนกว่าปกติ ซึ่งในเครื่องผมเปลี่ยนมาใช้ Seagate Ironwolf ทุกตัว เพราะรุ่นนี้เน้นความทนทาน ใช้งานได้นาน ราคาจะแพงกว่าฮาร์ดดิสค์แบบปกติในขนาดพื้นที่เท่ากัน ในอนาคตถ้ามีรุ่นไหนทนกว่าก็จะเปลี่ยนไปใช้รุ่นนั้น
2. ใช้ตัวจ่ายไฟที่ดีและเสถียร เพื่อมีไฟเลี้ยงให้ฮาร์ดดิสค์อย่างเพียงพอ ซึ่งผมเลือกตัวฟูลวัตถ์แท้ 1000W CORSAIR RM1000x
3. ใช้เมนบอร์ดที่มีภาคจ่ายไฟเยอะๆ ซึ่งผมเลือกตามงบคือ Askrock Steel legend 570 ที่มีภาคจ่ายไฟ 10 เฟส ตัวนี้ดีมากเลย นอกจากภาคจ่ายไฟเยอะและเสถียรแล้ว ฮาร์ดดิสค์ที่ไม่ได้เรียกใช้งานจะอยู่ในสถานะ sleep mode เรียกได้ว่าลดโอกาสเสื่อมได้เยอะมาก
4. ตัวนี้สำคัญมากคือเครื่องสำรองไฟต้องมี เวลาไฟตกไฟดับไฟกระชากช่วยได้มาก เพราะไฟบ้านเราไม่ค่อยเสถียร ตามงบที่ผมมีก็เลือกใช้ Syndome Premium 1000VA
5. ใน 4 ข้อแรกเป็นการดูแลด้านฮาร์ดแวร์ แต่ข้อ 5. จะเป็นการดูแลการใช้งาน ผมจะไม่ไช้ฮาร์ดดิสค์ที่เก็บหนังโหลดบิทเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้ฮาร์ดิสค์ทำงานหนัก แต่จะมีฮาร์ดดิสค์สำหรับดาวน์โหลดโดยเฉพาะ พอโหลดเสร็จ ค่อยย้ายไปเก็บในฮาร์ดดิสค์ที่เตรียมไว้ และการตัดต่อก็จะไม่ตัดต่อในฮาร์ดดิสค์ที่เก็บ แต่จะย้ายไปตัดต่อในฮาร์ดดิสค์แบบ SSD แทน เพื่อลดการใช้งานให้มากที่สุด และมีประโยชน์ในเรื่องความเร็วด้วย ส่วนเรื่องการใช้ฮาร์ดดิสค์แบบ External USB นั้น ลีมไปได้เลย สำหรับสายสะสมห้ามใช้เด็ดขาด เหมาะสำหรับไว้ดูหรือเก็บชั่วคราวเท่านั้น เพราะการเชื่อมต่อแบบ USB ไฟจะไม่ค่อยเสถียร และช้ามากถึงจะเป็น usb 3.0 ก็ตาม โอกาสพังมีสูงมาก
6. ข้อนี้เป็นข้อที่ควรจะทำ แต่ผมยังไม่ได้ทำ เพราะมันจะใช้งบประมาณมาก นั่นคือการแบคอัพฮาร์ดดิสค์ใหม่ทุก 2-3ปี ซึ่งจากจำนวนฮาร์ดดิสค์ที่ผมมีอยู่ น่าจะใช้งบมากกว่า 50k+ ซึ่งมันจะเกินไปหน่อย และผมพิจารณาแล้วว่า แค่ 5 ข้อก็เหลือเฟือ และใช้วิธีตรวจเชคฮาร์ดดิสค์ทุก 6 เดือนเอา ถ้าตัวไหนมีสัญญาณไม่ดีค่อยเปลี่ยนตัวนั้น แต่จากที่ผมทำแบบนี้ ทุกตัวอายุ 4 ปีขึ้น ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่บอกว่าฮาร์ดดิสค์มีปัญหา ตัวที่ใช้โหลดบิท ผมก็ใช้มาตั้งแต่ปี 2011 ก็ยังใช้โหลดได้ปกติ ยังไม่ได้เปลี่ยนแต่อย่างใด
มาแชร์วิธีการและแนวคิดส่วนตัวครับ
ขอบคุณครับ สุดยอดประสบการณ์ตรงและกูรูด้าน hardware และการบริหาร hdd ที่สุดยอดมากเลยครับ
ผมมีข้อจำกัดที่แตกต่างคือ ไม่สะดวกในการมีคอมตั้งโต๊ะ เพราะห้องเช่ามีขนาดเล็ก จำเป็นต้องใช้โน้ตบุ้ค+external hdd
ซึ่งเป็นข้อที่ท่าน Hiryo ไม่แนะนำเลย แต่ทำไงได้มันเป็นข้อจำกัดของเราเอง
ก็เลยมองทางเลือกที่ช่วยเซฟได้บ้าง และก็จะนำวิธีของแต่ละท่านมาประยุกต์รวมกันให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด
1. เลือก hdd ที่ทน ถ้า เป็น 2.5" ที่ใส่ใน notebook และ external hdd - ท่าน Hiryo มีตัวแนะนำไหมครับ
2, 3, 4. mainboard, power supply, UPS นี่หมดสิทธิ์เลือก
5. การบริหาร hdd จะนำมาประยุกต์โดย ใน notebook จะมี
5.1 ssd - ลง windows และ ใช้ตัดหนัง
5.2 hdd - ใช้โหลด ก่อนที่จะย้ายไปตัดใน ssd และเอาออกไปเก็บใน external hdd
6. การตรวจสอบสภาพ hdd - ใช้การฟังเสียงว่าดังผิดปกติใช่ไหมครับ
7. สุดท้ายก็เป็นช่องทางออนไลน์เข้ามาเพิ่ม คือ web ดู av online และ cloud
ปล. ท่าน Hiryo ใช้โปรแกรมอะไรตัดไฟล์ ถึงจะทำให้คุณภาพไม่ลดลงครับ ผมใช้ boilsoft video splitter และ ultra video splitter ซึ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยสมบูรณ์ครับ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า