เมษายน 28, 2024, 10:41:35 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: AVC เปิดเฟสและโซเชี่ยลใหม่ เพื่อนๆช่วยกดไลค์ติดตามด้วย
เวบเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว ท่านสามารถช่วยเหลือเวบได้โดยสมัคร VIP (ตลอดชีพ) อ่านคอมเมนท์จากผู้ใช้งานจริง ที่นี่
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟุตบอลไทย ใครผิด ????? เชิญร่วมแสดงความเห็น  (อ่าน 5219 ครั้ง)
Th_vazel
AV Highness Honour
คณะปฏิสนธิแห่งชาติ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 985



« เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 06:25:08 PM »

ใครมีความเห็นอย่างไรโพสต์ไว้เลยครับ พอดีพึ่งดูเรื่องเด่นเย็นนี้มา เห็นว่าตอนนี้กระแสแรง มากๆ
   ความเห็นส่วนตัว
   1. นักเตะไทย ขี้แอ็ค เกือบทุกคน โดยเฉพาะ เบอร์ 7 [พอดังแล้ว ไม่ตั้งใจเล่นเหมือนตอน สมัยเด็กๆ]
   2. ลีกไทย แม่งมั่วไปหมด แย่งกัน โฆษณา ขาดการจัดการอย่างจริงจัง มีแม่ง เป็น 10 ลีก [ทำลีกเดียวให้มันดีๆ แล้วเป็นสปอนเซอร์โฆษณาด้วยกันจะตายมั้ย]
   3. นายกสมาคม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นมานานมากๆ ให้คนอื่นลองเป็นบ้างเหอะ
   4. โค้ซ  ทำไมโค้ซต่างชาติไทย ต้องเป็น คนอังกฤษ  [อ๋อ คนไทยดูบอลอังกฤษเยอะ เอาการตลาดไว้ก่อน]
   5. เรื่อง โค้ซ ผมว่าเอาโค้ซ บราซิล ค่าจ้างถูกๆ มายังจะดีกว่า [บอลสไตล์บราซิล เหมาะกับ คนไทยที่สุด เพราะ ทักษะบอลเด็กไทยดีอยู่แล้ว]
   6. เวลาแข่งทีไร บอกบอลไทย เสียเปรียบรูปร่างตลอด [ถุ้ย ทำไม่ อาร์เจนติน่า มันเล่นเหนือกว่าบอลยุโรปวะ ทั้งที่เผลอๆ คนไทยตัวใหญ่กว่าอาร์เจนติน่าอีก] ดูอย่างสเปน ชุดปัจจุบัน มีแต่ตัว เล็กๆ ทั้งนั้น ยังเป็นแชมป์โลกเลย

ใครมีความเห็นอย่างไรก็โพสต์กันไว้นะครับ ผมอยากรู้ว่าท่านคิดเห็นกันเช่นไรกับ *บอลไทย*
   
บันทึกการเข้า
KilluA_99
ปลิงน้อย
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 17



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 07:16:08 PM »

ผมว่าโค้ชรับไปเต็มๆ
บันทึกการเข้า

kaiser001
ตะกวดไซเบอร์
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 59


« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 08:32:37 PM »

ทุกประการของเจ้าของกระทู้ โดนทุกเม็ด

ขอเสริมแนวคิดอีกครับ

ประเทศไทยมี 76 จังหวัด ทำไมไม่จัดการแข่งขัน เพื่อค้นหาทีมที่ชนะแล้วของแต่ละจังหวัด ก็คัดตัวคนที่อยู่ในทีมที่ชนะว่าคนไหนเล่นดีก้อเลือกมารวมกันแล้วคัดตัวอีกที

เลือกมาสักจังหวัดละ 1 คน ก็เท่ากับ ได้นักเตะฝีมือดี ถึง 76 คน ไม่ต้องไปพึ่งเด็กเส้นทั้งหลายแหล
แต่ก้อว่าน้ะ เงินทำได้ทุกอย่าง
บันทึกการเข้า
super
โอตาคุกิติมศักดิ์
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 242



« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 10:18:47 PM »

ดินฟ้าอากาศ เด็กเก็บบอล ยอดหญ้า ลูกบอล อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ผู้บริหาร
บันทึกการเข้า
kurudragon
AV Distributor
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2200



« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 01:09:35 AM »

    เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ในฐานะทีเป็นแฟนคลับฟุตบอลไทยนานกว่า 20 ปีขอระบายหน่อย ทนไม่ไหวจริงๆ ผมว่าผู้ทีจะต้องรับผิดชอบคือสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งผมมีเหตุผลสนับสนุนดังนี้
     1. การจัดโปรแกรมการแข่งขันในแต่ละปี เรามีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้วอย่างฟุตบอลในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นบอลถ้วย บอลลีค เขาก็
         จะแข่งให้เสร็จทีเดียวเลย ซึ่งถ้าหากว่าปีใดมีฟุตบอลโลกหรือ ฟุตบอลยุโรป เค้าก็จะแข่งให้เสร็จเร็วขึ้นเพื่อให้ทีมชาติได้มี
         เวลาเตรียมทีมมากขึ้น แต่ของเราบอลลีคจบแล้วต้องมาแตะบอลถ้วยอีก 2 รายการแถมปีนี้มีเอเชี่ยนเกมส์ ซูซูกิคัพ ลองนึก
         ภาพดูนะ นักเตะที่ถูกเรียกมาติดทีมชาติทั้งสองรายการจะกรอบแค่ไหน จะมีความกระหายในการเล่นอยู่มั๊ย
     2. นโยบายไม่ชัดเจน คุณเคยได้ยินประโยคนี้มั๊ย "ประเทศไทยจะไปบอลโลก" ผมได้ยินทุกครั้งที่มีการแข่งฟุตบอลโลก แต่
         พอบอลโลกจบลงทุกอย่างก็เงียบหายไปพร้อมสายลม อย่าว่าแต่บอลโลกเลย แค่ได้เข้ารอบสองในการคัดเลือกโซนเอเซีย
         ก็เก่งแล้ว สมาคมฯ มีแผนหรือเป้าหมายแล้วหรือยังที่จะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริง
     3. ระบบเด็กเส้น-เด็กฝาก ทำให้นักเตะฝีเท้าดีมีคุณภาพไม่ได้รับโอกาส ส่งผลต่อทีมชาติโดยตรง
     4. โค้ข อันนี้เห็นด้วยกับ จขกท. น่าจะใช้บริการโค้ชอเมริกาใต้ดู เนื่องจากสรีระทางด้านร่างกาย ไม่ได้แตกต่างจากเรามากนัก
         ซึ่งเน้นความสามารถเฉพาะตัว เล่นในที่แคบๆ ความคล่องตัว เป็นต้น
     5. มาตรฐานการเล่นที่ตกลงอย่างมาก ทั้งๆ ที่เรามีบอลลีคแล้วหลายปี ทีมชาติชุดใหญ่เสมอทีม U23 ของลาว, ตกรอบแรก
         ซีเกมส์ในรอบ 20 ปี ตกรอบแรกซูซูกิคัพแบบไม่ชนะใครเลย
     
     วันนี้เอาเท่านี้ก่อนละกัน
บันทึกการเข้า

"สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อน พูดไม่ได้ แต่รู้สึกได้ด้วยใจ"
SpecialOne
AV Dedicator (VIP)
คณะปฏิสนธิแห่งชาติ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 503


« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:07:21 AM »

ต้องโทษผู้บริหารครับ เพราะเป็นผู้มีอำนาจจัดการ
บันทึกการเข้า
sompoat
AV Professor
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1473



« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 10:36:49 AM »

วันนี้สุขใจจัง ......ทีมไทยแพ้ !!!

โดย คุณRomancini
ที่มา กระทู้ยอดนิยม ห้องศุภชลาศัย เวบพันทิป
13 ธันวาคม 2552

ใคร " ง้าง " มาแต่ไกล

จะ หาว่าผม....ตัวเป็นไทย แต่ใจเป็น......" มาเลย์ , อินโด , ลาว , พม่า , บรูไน , กัมพูชา , เวียดนาม , ติมอร์ เลสเต้ ..."ได้โปรดสละเวลาอันมีค่าของท่าน อ่านความคิดของผมก่อน...

ผม เชียร์ทีมชาติไทย มาไม่น้อยกว่า 30 ปี เริ่มเชียร์มันตั้งแต่สมัย พลเอกอนุ รมยานนท์ เป็นนายกสมาคมเลยก็ว่าได้ สมัยที่ทีมไทย ยังมี..." สิงห์สนามศุภฯ " นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ " ดาวยศ ดารา เจษฏาพร ณ.พัทลุง ศิริศักดิ์ แย้มแสง นาวี สุขยิ่ง อำนาจ เฉลิมชวลิต เป็นดาราของทีม

ผม เริ่มเข้าไปเชียร์ในสนามศุภฯ เมื่อประมาณปี 2523 - 2524 ยุคเริ่มแรกของ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน มาด๊าซ ทองท้วม วรวรรณ ชิตะวณิชย์ เฉลิมวุติ สง่าพล สมปอง นันทประภาศิลป์ สุรัก สุทิน ชัยกิตติ เริ่มที่จะโด่งดัง

มันคือยุคเรืองรองของนายกสมาคมฟุตบอลไทยนาม ชลอ เกิดเทศ

ผม จำได้ว่ากระโดดตัวลอยแค่ไหน ในวันที่นั่งดูทีวีช่อง 7 ถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศซีเกมส์ที่สิงค์โปร์ ปี 2526 แล้วเห็นปิยะพงษ์ ผิวอ่อน นำทีมชาติไทย ดับซ่าทีมเจ้าภาพสิงค์โปร์ ที่พยายามปั้น ฟานดี้ อาหมัด มาเทียบรัศมีกับเจ้าตุ๊ก ไป 2 - 1 คาสนามกีฬาแห่งชาติสิงค์โปร์

ผม จำได้ถึงความแน่นแทบจะไม่มีที่ยืน บนสแตนด์หลังโกล์ ที่สนามศุภฯ ในวันที่ทีมชาติไทย ถล่ม อินโดนีเซีย 7 - 0 ในรอบรองชนะเลิศซีเกมส์ปี 2528 และผมยังจำได้ว่าแอบขโมยเงินพ่อ 200 บาท เพื่อไปดูไทยดับสิงค์โปร์ 2 - 0 หยิบเหรียญทองซีเกมส์ ปีนั้นมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ในวันชิงชนะ เลิศฟุตบอลชายกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 17 ที่สิงค์โปร์ปี 2536 นั้น ผมยังจำความระทึกใจที่เห็นทีมชาติไทย ( ชุดที่มีแต่นักเตะพรสวรรค์สูงแต่แรงกายน้อย ) ดวลเพลงเตะอย่างสุดมันกับทีมพม่า เป็นเกมที่เหล่าขุนพลทีมชาติไทย ทั้งดาวรุ่ง และ เก๋าเกม ต่างวิ่งไล่บอลกันจนลืมตาย

มันเป็นวันที่ผม ได้เห็น นักเตะเทวดาจอมเท้าเอวอย่างปิยะพงษ์ ผิวอ่อน วิ่งจนหอบลิ้นห้อย ผมได้เห็นนักเตะที่ชอบเดินเล่นบอลอย่างวิทูรย์ ใส่ไม่ยั้ง ไล่บอลทุกลูกอย่างลืมตาย เวลาใกล้จะหมด เกมบีบอารมณ์ทั้งนักเตะ และคนดูกองเชียร์ชาวไทยที่หน้าจอทีวี

สกอร์ที่เสมอกันอยู่ที่ 3 ประตูต่อ 3 นั้น ประตูต่อไปมันคือการการันตีเหรียญทองสุดท้าย ทันที !!!

และ ทันใดที่ลูกโหม่งส่งต่อของนักเตะหน้าใหม่ที่ชื่อ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ดันพุ่งวาบเข้าประตูพม่าไป ....4 - 3 มันคือสกอร์ที่สุดสวยงาม ของ " คนไทยทั้งประเทศ "

มันคือ " ความสุข " ที่เหล่าขุนพลนักเตะทีมชาติไทย ใช้มันเป็นเครื่องตอบแทนเหล่าแฟนฟุตบอลชาวไทย ที่ทุ่มแรงใจเชียร์พวกเขามาตลอดทั้งทัวนาเม้นต์ มันคือความประทับใจ และหึกเหิมที่เราทั้งหมดเป็น...." คนไทยร่วมชาติ "

สิ่งเหล่านี้ มันมากกว่าคำว่า......" เหรียญทองฟุตบอลชาย ของกีฬาซีเกมส์ "

และ ใครหลายๆคนในนี้ คงจะยังจำได้เหมือนกันกับผม ถึง บรรยากาศที่มีแต่ความสุข ในวันที่ ทีมชาติไทยของเรา ผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ที่เชียงใหม่ เมื่อปี 2538 วันนั้นทีมเวียดนาม หมายมั่นปั้นมือมากที่จะสยบทีม
ฟุตบอลของเราให้ได้

แต่ เมื่อเกมส์จบลงด้วยสกอร์ 4 - 0 ทั้งเนติพงษ์ , เกียรติศักดิ์ , ตะวัน , ดุสิต และเพื่อนร่วมทีมทุกคน ทำให้เวียดนามได้รู้และจำใส่ใจว่า.....เหรียญทองฟุตบอลนี้เป็นของ " คนไทยทั้งประเทศ " เหล่านักเตะไทยทุกๆคน จะไม่มีวันให้..ใครหน้าไหนมาสยบ และเอามันไปต่อหน้าต่อตาคนไทย

ทั้งที่สนามเชียงใหม่ และหน้าจอทีวีทั่วประเทศได้ ......ไม่มีวัน !!!!

คุณยังจำได้ไหมว่า.......คุณรู้สึก " ภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย ร่วมกับเหล่าขุนพลนักเตะทีมชาติไทย " แค่ไหน Huh?

มัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่....." เหรียญทองฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ เท่านั้น !!! " " ตำนาน " ความยิ่งใหญ่เหล่านี้ที่เขียนขึ้นมาด้วย .....หยาดเหงื่อ เลือด และแรงกาย แรงใจ ของเหล่านักฟุตบอลไทยรุ่นแล้ว รุ่นเล่า

บาง ครั้ง มันก็กลายเป็นดาบสองคม ที่สะสมเอาไว้ รอวันและเวลาที่จะย้อนกลับมาทำลายเราได้ หากว่าเราตกอยู่ใน " ความประมาท " ความหลง เพ้อพก ว่าทีมฟุตบอลไทยของเรานั้น เก่งกล้า และยิ่งใหญ่ เหนือกว่าใครๆ

" ความประมาท ทะนงตน มันคือหนทางของความเสื่อม " ใครๆก็รู้ แต่เราก็เลือกที่จะหลงลืมมันไป .....หลังจากที่ผมนั่งมองพัฒนาการของทีมชาติไทย มาไม่น้อยกว่า 30 ปีแบบนี้

มันทำให้ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างช้าๆ แต่มั่นคงที่นำพาเอา " ความประมาท " เข้ามาสู่ทีมชาติไทย มันมาอย่างเงียบๆ .....

มันมาทีละนิด............

แต่มันมาอย่างเป็นขั้น เป็นตอน........

มันใช้เวลา มันรอคอยอย่างเยือกเย็น ........

" ความเสื่อม " ของฟุตบอลไทยมันเริ่มขึ้น หลังจากวันที่สวยงามที่สุด สงบที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทย เราเก่งกล้าสามารถ จนก้าวกระโดดขึ้นไปเล่นได้อย่างสูสีกับยอดทีมของเอเซีย

หลังจากการมา ของปีเตอร์ วิธ และการได้ที่ 4 ในกีฬาเอเซี่ยนเกมส์ที่กรุงเทพปี 2541 หลังจากนั้น เราได้เข้าไปเล่นในรอบ 10 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกโซนเอเซีย ในปี 2544 มันคือการพัฒนาที่คนในรุ่นผมรอคอยมาอย่างแสนนาน มัน

คือ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ที่ทีมชาติไทย เดินมาอย่างถูกที่ถูกทาง

แต่แล้วความเสื่อมก็มาถึง.....

ปีเตอร์ วิธ ทำ งานด้วยความโดดเด่นเกินหน้าเกินตาของคนในสมาคมฟุตบอลไทย ความหมั่นไส้ มีมาจากคำตำหนิที่ออกจากปากของนายกสมาคมฟุตบอลไทยในเวลานั้น " เป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ใส่กางเกงขาสั้นยืนข้างสนามได้อย่างไร Huh? ผมจะต้องเรียกเขาเข้ามาคุยแล้ว "

หลังจากวันนั้น ปีเตอร์ วิธ กับการพัฒนาของทีมชาติไทย ก็โดนกระตุกกลับ ปีเตอร์ วิธ ไม่มีสมาธิกับการทำงานคุมทีมชาติ ทั้งเรื่องราว ที่ขวางหูขวางตาสมาคม ทั้งเรื่องราวของการต่อสัญญาที่เริ่มจะเป็นปัญหา ข้อแม้ที่สุดหินโดน
สร้างขึ้นมา เพียงเพื่อที่จะใช้มันเตะตัดขาโค้ชจากแดนผู้ดีคนนี้

เอ เชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 14 ต้องเข้ารอบรอง เอเชี่ยนคัพ ต้องเข้ารอบ 2 และอื่นๆอีกมากมาย จนวันที่ปีเตอร์ วิธ พลาดก็มาถึง เมื่อไทยพ่ายต่อเกาหลีเหนือ คาราชมังคลา ปีเตอร์ วิธ ก็ต้องเก็บกระเป๋าลาจากไป.....

แผนการดำเนินไปอย่างมีระบบ โค้ชชัชชัย โดนดึงเข้ามาเป็นหนังหน้าไฟได้ไม่เท่าไหร่ ก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง การสละเรือกลางอากาศ และบอกเลิกศาลา กับสมาคมฟุตบอลไทย มันคือ สิ่งที่โค้ชจอมขัดตาทัพทำเป็นครั้งแรก...." ต่อไปนี้ หากสมาคมหาใครคุมทีมไม่ได้ ก็อย่ามาเอาผมไปทำอีกเลย ผมพอแล้ว "

มัน คือ " รหัสลับ " ที่โค้ชชัชชัยเผยออกมาให้แฟนฟุตบอลชาวไทยได้รู้ถึงการทำงานภายในของสมาคม ฟุตบอลไทย จนถึงวันหนึ่งนายกคนเก่าก็แพ้ภัยตัวเอง ถอยหลังมายืนดูอยู่ในมุมมืด นายกสมาคมฟุตบอลไทยคนใหม่ก็มาถึง แต่มันคือ " เหล้าเก่าในขวดใหม่ " ที่มีรสกร่อยอย่างเหลือรับ

การตั้งโค้ชหรั่งที่ว่านอนสอนง่าย เป็นคนของสมาคมมาครึ่งชีวิต ทำให้การพัฒนาของฟุตบอลทีมชาติไทยหยุด และเริ่มที่จะถอยหลังกลับ

เรา ยังเป็นเบอร์ 1 ของอาเซี่ยน เราเป็นแชมป์ซีเกมส์ อย่างผูกขาดแม้ว่าเราจะใช้ชุดเด็กลงไปเล่น เราจะมีวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อการพัฒนาอย่างมีเป้าหมาย เราจะมีโน่น เราจะไปนี่ เราจะ ........แล้ว ก็ " เราจะ "

มันเป็นเพียงแต่คำพรํ่าเพ้อ ของนักสร้างภาพชั้นดี ที่มีดีกรีฟีฟ่าเมมเบอร์ติดอยู่ที่ด้านหลัง แต่ในความเป็นจริงแล้วสุดขมขื่น....

เรา แพ้สิงค์โปร์ ในฟุตบอลไทยเกอร์ คัพ !!!

เรา แพ้รวดแบกประตูจนหลังตุง ในการคัดเลือกฟุตบอลโลก !!!

ทีมไทยที่สุดแข็งแกร่งและเล่นอย่างมีระบบ ในยุคปีเตอร์ วิธ ได้สาบสูญไปแล้ว !!!

เมื่อ ทีมชาติไทยมีผลงานที่ถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ โค้ชหรั่ง ก็ทนต่อคำสาบส่งจากทุกสารทิศไม่ได้ การลาจากก็เป็นทางเลือก แต่สมาคมฟุตบอลไทย ก็ยังเป็นของกลุ่มคนหน้าเดิม ที่นั่งกอด " ผลประโยชน์ " อย่างเหนียวแน่นเป็นกลุ่มเป็นก้อน

การมาถึงของปีเตอร์ รีด กุนซือตกงาน ที่มาพร้อมกับสัญญาที่เป็นปริศนาดำมืด อาจจะทำให้กระแสที่ถล่มใส่สมาคมฟุตบอลไทย ซาลงไปบ้าง

แต่ เวรกรรมมันมีจริง สมาคมฟุตบอลไทย ที่มีจุดกำเนิดจากเบื้องสูง ใครมาอาศัย เพื่อใช้ในการกอบโกยผลประโยชน์เข้าสู่พวกพ้องมักมีอุปสรรค จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมากลางสมาคมฟุตบอลไทย

ปี เตอร์ รีด ประกาศการไปร่วมงานกับทีมสโต๊ค ลอยแพทีมชาติไทยไปอย่างไม่ใยดี คราวนี้ตาเหลือกกันทั้งสมาคม " จะหาใครมาเป็นหนังหน้าไฟแทนดีหว่า " อุตส่าห์บินไปใช้ตำแหน่งเมมเบอร์ฟีฟ่าบีบ ปีเตอร์ รีดก็แล้วยอมเสนอให้คุม 2 จ๊อบโดยมีทีมชาติไทยเป็นลูกเมียน้อยก็กล้าเสนอ แต่ก็เจอเซยโน ลูกเดียว ไหนๆก็ไหน เอาคนข้างตัวขาประจำแมนยู คาเฟ่ สุขุมวิท 11 แต่ดีกรีบารมีเก่าเหลือล้นนี่ล่ะว๊าแฟนฟุตบอลไทยคงหูตั้ง ตาตั้งกันทั้งประเทศ ที่ได้กับตันมาร์เวลมาคุมทีมชาติ แต่บอกแล้วว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง หลังจากที่ชนะสิงค์โปร์ได้แบบนำไปก่อน เกมเลยเปลี่ยน ที่บ้านของเขาก็มาดวงแตก แพ้มันคากรุงเทพฯแบบหน้าตาแหกหมอไม่รับเย็บ

โดนด่าเรื่องบอลแพ้ไม่พอ ไหนจะโดนคนดูก่นด่า สปอนเซอร์ใหม่ของทีมชาติไทย ที่ห้ามกระทั่งเอาหมูปิ้งเข้าสนาม เวรกรรมกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างมั่นคง.....

สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ที่หวังจะใช้ดึงวิกฤติ ให้กลับมาเป็นโอกาส อีกครั้งก็คือ......" ของตาย " เหรียญทองฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ !!!

สิ่ง ที่..... เคยช่วย ต่ออายุ ยืดชะตา สร้างภาพ ให้แก่สมาคมฟุตบอลไทยมาโดยตลอด แต่วันนี้ไม่เหมือนวันวาน ในเมื่อ ความประมาท และเวรกรรม กำลังตามเอาคืน เกมแรกกับเวียดนาม เราก็โดนจุดโทษในนาทีสุดท้าย .....เสมอเหมือนแพ้

เกมที่สองกับกัมพูชา เราก็ชนะแบบไม่มีใครในเมืองไทยประทับใจ....

เกมที่สามกับติมอร์ ไม่ชนะก็บ้าแล้ว....

และแล้ว ....

หลัง จากขึ้นนำมาเลเซียไปก่อน ดวงเราก็แตก เมื่อนักฟุตบอลของเราเล่นแบบ " ไม่มีใจ " การที่เรา..... ประมาท , ทะนงตน ว่า เราคือเบอร์ 1 อาเซี่ยน มาตลอด เราโดน มาเลเซียยิงตีเสมอ เราจึงตกตะลึงทำอะไรไม่เป็น

และแล้ววินาทีที่ช่วยดึงเรากลับมาสู่ความเป็นจริงก็มาถึง ไทย 1 - มาเลย์ 2 เราแพ้แล้ว !!!

เราไม่ใช่เบอร์ 1 ของอาเซี่ยนแล้วหรือ เราหลอกตัวเองมาตลอดหรือไร Huh?

สิ่งเดียวที่จะทำให้สมาคมฟุตบอลไทยใช้สร้างภาพต่อ มันได้สลายหายไปกับแดดยามเย็นของเวียงจันท์หมดสิ้นแล้ว

.....

การ พ่ายแพ้ครั้งนี้ มันมีข้อดีมหาศาล มันเป็นการ ดึงเรากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้สักที มันจะเป็นจุดสิ้นสุดของผลงาน " ผักชีโรยหน้า 8 สมัย ที่สมาคมฟุตบอลไทยใช้หากินมาเป็น สิบๆปี "

มัน เป็นเวรกรรม ที่ทุกๆคนในสมาคมฟุตบอลไทยต้องร่วมกันรับ คุณต้องหยุดสร้างภาพ กอบโกย ผลประโยชน์ แลัวหันกลับมานั่งหาวิธีการที่จะนำพาศรัทธาที่สูญเสียไปกลับมา จริงๆสักที

และ การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ มันเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้นักฟุตบอลไทยรุ่นหลัง ที่ทนงตน ว่าเราเก่ง เราเหนือกว่าใคร ได้รู้ว่า....สิ่งเหล่านี้ กว่าที่จะได้มันมา ต้องใช้เวลาที่จะสร้างสม ที่คุณจะต้องร่วมกันสานต่อมันเอาไว้ แทนคนรุ่นก่อนที่เขาพากเพียรสร้างมันมาในทุกครั้ง....ที่ " ธงไตรรงค์อยู่บนอกข้างซ้ายของพวกคุณ " จำมันเอาไว้เถอะครับ เพราะมันไม่ใช่แค่เพียง " เหรียญทองฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ " เท่านั้นแต่มันคือ......" ศรัทธาของคนไทยทั้งประเทศ " ที่มีต่อคุณ !!!

นี่ละครับ ผมถึงสุขใจ ที่ทีมชาติไทยที่ผมรัก ....." พ่ายแพ้ในวันนี้ "
บันทึกการเข้า

sompoat
AV Professor
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1473



« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 10:49:06 AM »

ถ้าใครดูสัมภาษณ์บังยีเมื่อวานนี้ ตอนเย็นช่อง 3 แล้วเชื่อ ลองมาดูผลงานที่น่าภาคภูมิในใจในรอบ 2 ปีของสมาคมฟัตบอลในการกำกับดูแลของบังยี เริ่มจาก 24 ธค. 52 ถึง แค่ 7 ธค. 53 นะครับ

-ตกรอบแรกตั้งแต่มีอาเซียนคัพโดยไม่ชนะทีมใดเลย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย
-ไม่ชนะลาวเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี
-แพ้เวียดนามคาบ้านในรอบ 41 ปี
-แพ้สิงคโปร์คาบ้านในรอบ 34 ปี
-ตกรอบแรกซีเกมส์ในรอบ 36 ปี (โดนมาเลย์ไป 2-1)
-ตกรอบคัดเลือกเอเชียนคัพ ในรอบ 23 ปี


คุณยังคิดว่าบังยียังเหลือความชอบธรรมอะไรมาทำงานโดยใช้เงินภาษีของคุณอีก เป็นได้แค่เหลือบของวงการฟุตบอลไทยเท่านั้น
ผมเชื่อมั่นว่า มีคนมีฝีมือมีศักยภาพในการบริหารงานอีกมาก ก็ทำตรงนี้ได้

แต่คงเล่นแกยากครับ สายแข็งทั้งจากรัฐบาลเอง ทั้งจากฟีฟ่า สรุปก็คือต่อไปเราก็จะชินกันไปเอง ปีหน้าเราก็จะแพ้กัมพูชา แพ้ลาง (พัฒนาการดีมาก ผิดหูผิดตาเลยครับ) บังยีก็จะโทษสถานการณ์การเมืองไม่ปกติ โทษงบสนับสนุนมีน้อย (แกเคยของบ 500 ล้าน เพื่อมาเตรียมทีมไปบอลโลก ดีที่ไม่มีใครบ้าจี้ให้ไป)

นอกจากจะขาดความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิงแล้ว ยังแสดงให้เห็นอีกว่าขาดวุฒิภาวะด้วย ถูลู่ถูกังลากยาว แถไปเรื่อยๆ ได้อีก
อนาถใจจริงๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 10, 2010, 10:55:37 AM โดย sompoat » บันทึกการเข้า

astrife
AV Dedicator (VIP)
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2352



« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 04:19:03 PM »

 แม่เจ้า
อ่านแล้ว น้ำตาไหล
เขียนได้ใจ จริงๆ

ขอบคุณ คับ
บันทึกการเข้า
rooney482
Avc Lolita Club
AV Responder
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1818



« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 06:08:18 PM »

  ฟังแล้วขำ ประเทศไทยนะมีศักยภาพเพียงพอนะคับ
เคยจัดเอเชี่ยนเกมมาแล้วด้วย แถมไม่ใช้แค่ครั้งเดียว ถึงจะเป็นแค่อดีตก็เถอะ
มั่วจ็อกกิ้งแล้วนั่งพัก(แดกด้วย) แล้วมองดูเกาหลีญี่ปุ่นเข้าวิ่งไปข้างหน้าตาปริบๆ เข้าไปไหนต่อไหนแล้ว

  จะกินก็กินพอเป็นกะสัย อย่าน่าเกลียดกินจนพุ่งปริ้นให้ชาวบ้านเค้าเห็นน่าละอาย
ตอนนี้เราคงเทียบจีน เกาหลี ญี่ปุ่นไม่ได้แล้ว เผลอๆแถวๆนี้ก็อาจต้องถูไถกันไป
ท่านมัวทำอะไรอยู่คับ เสียดายเวลา
 
เชื่อว่าทุกคนรักประเทศไทย อยากให้ก้าวไปข้างหน้า สบตานานาชาติได้อย่างไม่อายใคร

  สุดท้ายนี้หากท่านไม่ออกก็ไม่ว่าอะไร ไม่ยอมรับผิดหรือขอโทษก็ช่าง
แต่ขอให้ท่านๆเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เถอะคับ พยายามและทุ่มเทกับมันจริงๆ
 ผมยังอยากสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกครั้ง
     วันที่ทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ
     วันที่บอลตุงตาข่ายแล้วตะโกนโห่ร้องอย่างไม่เกรงใจเพื่อนบ้าน
     วันที่เราอวดได้ว่าทีมไทยไม่ด้อยกว่าใครในโลก

 

บันทึกการเข้า

ชาวAVCตัวจริงต้องแบ่งปันกันนะคับ
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  












AV Community Since 2009 : AVCollectors.com - Advertising please contact [email protected]