พฤษภาคม 02, 2024, 07:10:21 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: AVC เปิดเฟสและโซเชี่ยลใหม่ เพื่อนๆช่วยกดไลค์ติดตามด้วย
เวบเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว ท่านสามารถช่วยเหลือเวบได้โดยสมัคร VIP (ตลอดชีพ) อ่านคอมเมนท์จากผู้ใช้งานจริง ที่นี่
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนาน ปาท่องโก๋ กับขุนพลผุ้รักชาตินาม งักฮุย  (อ่าน 3303 ครั้ง)
รองประธานAVC รีเทิร์น !!!
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4600


มาร่วมกันแบ่งปันความเสียว แล้วเอาไปเหนี่ยวกันให้สบายตัวจ้า ^__^


« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 09:45:16 AM »

ตำนาน ปาท่องโก๋ กับ ยอดขุนพลไร้พ่ายผู้รักชาติ นาม งักฮุย


เรื่องราวของชาวจีนบางเรื่อง เมื่อไปอยู่ในดินแดนอื่น ๆ บางทีเกิดการเล่าขานปฏิบัติจนทำให้ผิดเพี้ยนไปจากของเดิมมากมายอย่างลี้ลับ

ที่เมืองไทยของเราก็มีเรื่องของชาวจีนบางอย่างที่ถูกเปลี่ยนแปลงจากเดิมจนกลับตาลปัตรอย่างเรื่องขนมอย่างหนึ่ง ซึ่งชาวจีนเรียก “โหยวจ้าข้วย”

สำเนียงแต้จิ๋วแบบไทย ๆ เป็น “อิ่วจาก้วย” เมืองไทยชอบเรียกปาท่องโก๋

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีคำสั่งการจากผู้มีอำนาจให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจต้องจับมือกันร่วมมือกันทำงานเหมือนกับปาท่องโก๋

กระผมฟังแล้วรู้สึกตกใจเป็นล้นพ้นกับคำสั่งดังกล่าว เพราะปาท่องโก๋นั้นเป็นขนมอันมีที่มาจากเรื่องเลวร้ายสุด ๆ เรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน

ขออนุญาตนำท่านย้อนอดีตไปถึงยุคราชวงศ์ซ่ง

อันเป็นยุคที่ชาวจีนเผ่าฮั่นต้องระทมขมขื่นกับการรุกรานของชาวต่างชาติหลายเผ่าพันธุ์จากนอกด่านกำแพงเมืองจีน

เผ่ากิม หรือชาวเกาหลีโบราณได้ขยายอำนาจเติบกล้าขึ้นถึงขั้นคุกคามความสงบของชาวฮั่น โดยที่ราชสำนักชาวฮั่นยุคราชวงศ์ซ่งมีความอ่อนแอมากไม่สามารถปกป้องชาวจีนในปกครองให้ร่มเย็นเป็นสุข ปล่อยให้ถูกชาวนอกด่านกดขี่ข่มเหงตามใจชอบ

เยียะเฟย ( งักฮุย ) (เยียะเฟย เป็นคำออกเสียงภาษากลาง) เกิดเมื่อ ค.ศ. 1105 ตรงกับปีแพะ เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเห็นความอยุติธรรมที่ชาวจีนต้องถูกชาวนอกด่านที่ด้อยพัฒนากว่าย่ำยีเป็นประจำเขาจึงปฏิญานตนที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของชาวฮั่นกลับคืนมาด้วยการคร่ำเคร่งร่ำเรียนพิชัยสงครามต่าง ๆ อย่างจริงจัง

มารดาของเยียะเฟยก็มีความรักชาติอย่างยิ่ง นางอบรมเยียะเฟยให้มีความกล้าหาญเสียสละเมื่อเยียะเฟยกราบขอพรจากนางเพื่อไปรับราชการเป็นทหารรับใช้มาตุภูมิ นางได้ใช้เข็มสลักที่กลางแผ่นหลังของเยียะเฟยเป็นอักษร 4 ตัวว่า

จิงจงเป้ากว๋อ

เก่งกล้าภักดีพลีเพื่อประเทศชาติ

เยียะเฟย ปฏิบัติตนตามคำสั่งที่มารดาสลักไว้กลางแผ่นหลัง ออกรบอย่างกล้าหาญเสียสละมีผลงานยอดเยี่ยมเลื่อนจากทหารชั้นผู้น้อยขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ในการต่อสู้กับกองทัพเผ่ากิมผู้รุกรานกองทัพของเยียะเฟยสร้างความพินาศแก่ศัตรูในทุกสมรภูมิรบผลักดันให้พวกกิมต้องถอยกลับไปทางภาคเหนือ

การทำดีแล้วเด่นมักเป็นภัย!

เยียะเฟย เด่นดังขึ้นมาอย่างนี้ ย่อมมีคนที่เกลียดขี้หน้าไม่น้อย ยุคนั้นมีจอมกังฉินชื่อ “ฉินข้วย” ใช้ความสอพลอก้าวขึ้นถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีพวกหัวหน้าเผ่ากิมนอกด่านช่วยสนับสนุนอย่างลับ ๆ ให้ฉินข้วยช่วยขายชาติ

ฉินข้วยรับสินบนจากต่างชาติ ก็หาทางใส่ร้ายเยียะเฟยว่ามีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงชอบนำกองทัพออกทำศึกไม่ฟังคำสั่งจากราชสำนัก มันจึงเพ็จทูลให้ฮ่องเต้ปัญญาอ่อนเรียกตัวเยียะเฟยกลับจากสมรภูมิแนวหน้าอย่างกระทันหัน

เยียะเฟยมีความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้อย่างยิ่ง เมื่อถูกเรียกตัวกลับก็รีบกลับมาทันที พอมาถึงก็ถูกจอมกังฉินจับไปขังคุกและถูกลอบสังหารถึงแก่อสัญกรรมในคุกมืดนัั้นเอง

ข่าวที่เยียะเฟยถูกจอมกังฉินทำร้ายเสียชีวิตล่วงรู้ไปถึงประชาชน ต่างพากันโกรธแค้นอย่างยิ่งแต่ไม่สามารถทำอะไรจอมกังฉินได้เพราะมันยิ่งใหญ่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีมีอำนาจเหนือราชสำนักซ่งที่อ่อนแอมาก

สมัยนั้น ชาวจีนนิยมรับประทานขนมอย่างหนึ่งซึ่งทำด้วยแป้งเอามาทอดน้ำมัน ได้มีประชาชนบางคนเอาแป้ง 2 ชิ้นมาบีบติดกันสมมติเป็นจอมกังฉินกับเมียของมัน นำไปทอดกินเพื่อระบายความแค้น

คนอื่น ๆ เห็นแล้วพลอยรู้สึกเกิดอารมณ์ร่วมจึงพากันทอดขนมแป้ง 2 ชิ้นอย่างนี้กินกันแพร่หลายเรียกว่า “โหยวจ้าข้วย” หมายถึงน้ำมันทอดฉินข้วย

นอกจากกินขนมกังฉินสองผัวเมียแล้ว ต่อมายังมีการสร้างศาลสักการะยกย่องให้เยียะเฟยเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์จงรักภักดี ยังมีคนที่เคียดแค้นชิงชังฉินข้วยกับเมียของมันไม่หายได้สร้างรูปโลหะของ 2 ผัวเมียและบริวารของมันอีก 2 คน รวมเป็นรูปโลหะ 4 ตัวในท่าคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารูปโลหะของเทพเจ้าเยียะเฟยด้วย

ผู้คนที่มากราบไหว้บูชาเทพเจ้าเยียะเฟยเสร็จแล้ว มักจะถ่มน้ำลายหรือเอาของโสโครกสาดใส่รูปโลหะของพวกกังฉินเหล่านั้นเพื่อแสดงความเกลียดชังพวกกังฉินที่ร่วมกันขายชาติให้ชาวต่างชาติ

การกินปาท่องโก๋จึงเป็นเรื่องของการเกลียดชังพวกคนชั่ว ต้องการเคี้ยวกินให้หายแค้น เมืองไทยเรากลับเข้าใจผิดนึกว่า ปาท่องโก๋ หมายถึง ความรู้รักสามัคคีร่วมมือกัน

ควรระวังด้วยครับที่สั่งให้ร่วมกันทำงานแบบปาท่องโก๋ ถ้าร่วมมือกันแบบกังฉินคงไม่ดีแน่



*******************************************************************************


จากเรื่องที่เขียนไว้ข้างบน คือเรื่องของแม่ทัพ นักการทหารที่ได้รับการยอมรับกันในประเทศจีนว่าเก่งที่สุด มีความกตัญญูมากที่สุด เท่าที่ประเทศจีนเคยมมีมา โดยเฉพาะ ความกตัญญู ที่ถือได้ว่ามีมากกว่ากวนอู ด้วยซำ แต่ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในประเทศไทย เพราะว่า ลักษณะภายนอกเป็นคนธรรมดา ผิดกับกวนอูที่หน้าแดงเคลายาว ผิดมนุษย์ทั่วไป


จากเรื่องข้างบน เป้นเนื้อเรื่องย่อ จาก พงศาวดารจีน ชื่อเรื่องว่า "ซวยงัก" หาอ่านหาซื้อได้ตามร้านหนังสือเก่าที่มีขายอยู่บ้างแต่จะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีพิมพ์ใหม่อีกแล้ว หรือจะไปอ่านที่หอสมุดแห่งชาติก็ได้นะครับ หรือใครสนใจจริงๆ หาซื้อไม่ได้ ผมพอจะรู้จักร้านหาซื้อได้นะครับ รับรอง อ่านแล้ว น้ำตาร่วงได้เลยครับ ซึ้งมากๆ กับความซื่อสัตย์ ของ ท่าน งักฮุย

ปล.ที่แนะนำให้อ่านเพราะเป็นประโยชน์กับทุกคน ที่ปัจจุบันคนดีหาได้ยาก จึงอยากให้ดูแบบอย่าง เพื่อนำมาใช้กับชีวิตประจำวัน เพื่อเพื่อนๆน้องๆ จะได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม สังคมจะได้น่าอยู่เพราะคนดีมากขึ้น



งักฮุย ก่อนรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ไปสู้ศึกกับ กองทัพ แคว้นจิน(แมนจูเก่า) งักฮุยได้ให้มารดาของเขา สักตัวหนังสือ 4 ตัว ไว้ที่กลางหลังของงักฮุย มีข้อความว่า "จิน จง เป่า กว๋อ" แปลเป็นไทยว่า กตัญญูต่อแผ่นดิน

ตลอดระยะเวลาที่งักฮุยได้เป็นแม่ทัพใหญ่ แห่ง ราชวงค์ซ้อง ได้สร้างคุณูปการ ให้กับแผ่นดินมากมาย รวบรวมเหล่าผู้กล้าที่ตั้งตัวเป็นโจร ให้กลับมารับใช้ชาติ ทำให้แผ่นดินเป็นปึกแผ่น ขับไล่ศัตรูสำคัญอย่าง กองทัพ จิน ได้ ด้วยวีรกรรมมากมาย ที่โดดเด่นที่สุดคือคราวที่ งักฮุย นำกองทัพ ซ้อง จำนวนแค่ 800 นาย ขับไล่ กองทัพจิน ที่มีมากถึง 500,000 นาย ให้ถอยออกไปจากแนวรบได้

 ข้อมูลดีๆจากเวปพันทิปจ้า

บันทึกการเข้า
kurudragon
AV Distributor
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2200



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 12:11:29 PM »

ท่านรอง สุดยอดมากครับสำหรับข้อมูล
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะของจีนหรือไทย ถ้าสังเกตุให้ดีก่อนเสียเมืองจะมีเหตุการณ์ประมาณนี้ครับ
 1. ข้าวยากหมากแพง ประชานเดือดร้อนทุกย่อมหญ้า
 2. ประชาชนแตกความสามัคคี
 3. กังฉินครองเมือง
 4. ราชสำนักอ่อนแอ
 5. เกิดอาเภทที่ผิดจากธรรมชาติ เป็นลางบอกเหตุ
 
บันทึกการเข้า

"สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อน พูดไม่ได้ แต่รู้สึกได้ด้วยใจ"
lucho002
AV Distributor
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6823


« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 12:32:23 PM »

คล้ายๆประเทศอะไรนะ   
บันทึกการเข้า
aloneinthedark
AV Distributor
คณะปฏิสนธิแห่งชาติ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 667


...love you...


« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:05:33 PM »

...ประเทศสารขัณฑ์
บันทึกการเข้า

รองประธานAVC รีเทิร์น !!!
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4600


มาร่วมกันแบ่งปันความเสียว แล้วเอาไปเหนี่ยวกันให้สบายตัวจ้า ^__^


« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2010, 10:35:43 AM »

ตัวแทนของห้องนี้ก็คือ งักฮุย ขุนพลผู้รักชาติ

เมื่อเข้ารับราชการทหาร งักฮุยที่พกความมุ่งมั่นไว้เต็มเปี่ยมก็แสดงความกล้าหาญและสามารถรบชนะสังหารข้าศึกไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งผลงานไปเข้าตาแม่ทัพนาม จงเจ๋อ ต่อมาแม่ทัพจงเจ๋อก็ถ่ายทอดวิชาความรู้ในการทำศึกสงครามนานาประการให้กับงักฮุยโดยหมดสิ้น โดยหวังว่างักฮุยจะเป็นกำลังสำคัญในการกู้ชาติต่อไป

หลังจากที่แม่ทัพจงเจ๋อเสียชีวิต งักฮุยก็ได้เป็นผู้สืบทอดในตำแหน่งแม่ทัพต่อตามคาด และสร้างผลงานจนได้ดำรงแม่ทัพใหญ่ในตำแหน่งเจี๋ยตู้สื่อ  เมื่ออายุเพียง 32 ปีเท่านั้น แต่ทั้งนี้งักฮุยก็มิได้แสดงอาการยโสโอหังต่อตำแหน่งใหญ่ของตัวเองแต่อย่างใด สังเกตได้จากที่ครั้งหนึ่งฮ่องเต้เคยออกปากว่าจะสร้างจวนหลังใหม่ให้ งักฮุยกลับตอบปฏิเสธโดยกล่าวกับฮ่องเต้ไปว่า

"ในเมื่อยังกวาดล้างศัตรูได้ไม่สิ้นซาก กระหม่อมจะมีมาคำนึงถึงเรื่องบ้านของตัวเองได้อย่างไร?"

เมื่อก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ ชื่อเสียงของงักฮุยก็ยิ่งขจรขจาย โดยเฉพาะในแง่ของความเข้มงวดและระเบียบวินัยของกองทัพ มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ฝึกซ้อมการรบอยู่นั้น เมื่อบุตรชาย ของงักฮุยบังคับม้าศึกควบขึ้นเนินลาดแล้วเกิดบังคับม้าไม่อยู่จนทั้งคนทั้งม้าเสียหลักล้มลง ด้านงักฮุยเมื่อทราบดังนั้นก็มิได้แสดงความอาทรต่อบุตรของตัวเองเหนือกว่าพลทหารนายอื่นแต่อย่างใด ออกคำสั่งให้ดำเนินการลงโทษบุตรชายของตนไปตามกฎระเบียบ

มากกว่านั้น สิ่งที่ทำให้กองทัพของงักฮุยครองใจชาวบ้านมากไปกว่านั้นก็คือ "ความซื่อสัตย์" และ "ซื่อตรง"

เมื่อพบว่าพลทหารขอเชือกปอจากชาวบ้านหนึ่งเส้นเพื่อนำมามัดไม้ฟืน งักฮุยก็สั่งให้ลงโทษพลทหารผู้นั้นไปตามระเบียบ ขณะที่เมื่อกองทัพของงักฮุยผ่านไปยังหมู่บ้านใดก็จะตั้งค่ายนอนกันริมทาง แม้ชาวบ้านเชิญให้เหล่าทหารเข้าไปพักผ่อนในบ้านอย่างไรก็ไม่ยินยอม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วว่าในกองทัพของงักฮุยมีคำขวัญที่ได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดประการหนึ่ง คือ

"แม้ต้องหนาวตายก็ไม่ขอเบียดเบียนบ้านชาวประชา แม้ต้องอดตายก็จะไม่ปฏิบัติตัวเยี่ยงโจร-ขโมย"

ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างงักฮุยกับเหล่าทหารในกองทัพก็เป็นไปด้วยความแนบแน่นยิ่ง โดยเมื่อมีพลทหารคนใดป่วยงักฮุยก็จะไปเยี่ยมด้วยตัวเอง พร้อมส่งคนไปให้การดูแลครอบครัวของพลทหารผู้นั้น ขณะที่หากเบื้องบนตบรางวัลอะไรให้มา งักฮุยก็จะจัดสรรแบ่งปันให้พลทหารของตนอย่างเท่าเทียมโดยที่ไม่คำนึงว่าจะเหลือตกถึงตนเองหรือไม่

ด้วยเหตุฉะนี้ กองทัพของงักฮุยจึงมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และเมื่อประกอบกับความรู้ความสามารถในด้านสงครามของงักฮุยแล้วก็ทำให้ในการรับทุกครั้งกับชนเผ่าจินนั้น กองทัพงักฮุยได้รับชัยชนะอยู่เสมอๆ จนพวกจินนั้นเกิดความเกรงกลัวอย่างมาก จนกระทั่งมีคำกล่าวกันว่า "โยกภูเขานั้นง่าย คลอนทัพงักฮุยนั้นยากยิ่ง"

ทัพงักฮุยประสบชัยชนะกรีฑาทัพขึ้นภาคเหนือเพื่อยึดดินแดนคืนได้มากมาย บุกจนกระทั่งตั้งทัพอยู่ห่างจากเมืองหลวงเดิมเพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น**

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ฉินฮุ่ย ขุนนางกังฉิน (ว่ากันว่าฉินฮุ่ยและภรรยาแซ่หวังเคยถูกกองทัพของจินจับตัวเป็นเชลยศึก แต่สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวกลับมายังซ่งโดยให้สัญญาว่าจะเป็นสายลับให้กับทางจิน***) ผู้ซึ่งเชลียร์ฮ่องเต้ซ่งเกาจงจนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงกราบทูลต่อองค์ฮ่องเต้ว่าทัพของงักฮุยนั้นเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบศึกกับเผ่าจิน

ด้านฮ่องเต้ซ่งเกาจงก็เชื่อในคำของฉินฮุ่ย และออกโองการบัญชาให้งักฮุยถอนทัพกลับมายังเมืองหลวง ทางฝั่งงักฮุยแม้จะทักท้วงและออกอาการดื้อดึงเช่นไรก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งพระบัญชาของฮ่องเต้ส่งมาเป็นฉบับที่ 12 งักฮุยจึงถอดใจ พร้อมกับทอดถอนใจรำพึงกับตัวเองด้วยความช้ำใจอย่างสุดแสนว่า ความพากเพียร 10 ปีของตนกลับต้องกลายเป็นเพียงเถ้าธุลีในพริบตา

เมื่องักฮุยปฏิบัติตามพระบัญชาถอนทัพกลับมายังเมืองหลวง ฉินฮุ่ยก็ใส่ร้ายว่างักฮุยนั้นมักใหญ่ใฝ่สูง คิดการณ์ใหญ่จะก่อกบฎล้มล้างราชสำนัก งักฮุยได้ฟังดังนั้นก็ไม่โต้ตอบอะไรด้วยคำกล่าวอะไร เพียงแต่คลายชุดท่อนบนของตนออก เผยให้ฉินฮุ่ยเห็นถึงอักษรสี่ตัวที่มารดาสลักไว้ด้านหลัง ขุนนางกังฉินเมื่อเห็นดังนั้นก็ชะงัก เอ่ยปากอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

อย่างไรก็ตาม ฉินฮุ่ยก็ยังไม่ยอมลดละความพยายามในการป้ายสีงักฮุยต่างๆ นานา แม้จะตรวจไม่พบความผิดใดๆ ก็ตาม แต่ในที่สุดฉินฮุ่ยก็ปั้นเรื่องจนทำให้งักฮุยต้องถูกโทษประหารจนได้ โดยเมื่อมีขุนนางฝ่ายงักฮุยคนอื่นๆ ทักท้วง และตั้งคำถามฉินฮุ่ยว่ามีหลักฐานในการกล่าวโทษงักฮุยหรือไม่ ฉินฮุ่ยก็ตอบว่า "อาจจะมีก็ได้" คำตอบของฉินฮุ่ยที่ว่า "อาจจะมีก็ได้" นี้ ภายหลังกลายเป็นศัพท์ที่ถูกจารึกไว้ต่อๆ มาว่ามีความหมาย คือการให้ร้ายผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐาน

ทั้งนี้ในวันที่งักฮุยถูกประหารชีวิต ก็มีพลเมืองดีที่รู้เรื่องราวและเคารพรักในตัวงักฮุยนำศพของเขามาทำพิธีฝังศพ โดยเวลาต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายหลุมฝังศพของงักฮุยมาตั้งไว้ริมทะเลสาบซีหู ณ เมืองหางโจว

อย่างไรก็ตาม เมื่อแผนการขายชาติ  ถูกเล่ากันจากปากต่อปากราษฎรไปจนทั่วเมืองหลวง เพื่อระบายความแค้นใจที่มีต่อฉินฮุ่ย ภรรยาและพรรคพวกที่ให้ร้ายงักฮุย ขุนศึกผู้รักชาติจนเสียชีวิต ราษฎรจึงนำแป้งสองชิ้นมาบีบติดกันแล้วทอดรับประทานเพื่อระบายความแค้น โดยเปรียบเอาว่าแป้งชิ้นหนึ่งคือฉินฮุ่ย ส่วนอีกชิ้นหนึ่งก็คือ ภรรยาแซ่หวัง

แป้งทอดที่ว่าก็คือ ปาท่องโก๋**** หรือที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมเรียกกันว่า 'อิ่วจาก้วย' ส่วนในภาษาจีนกลางนั้นเขาอ่านว่า โหยวจ๋าฮุ่ย  แปลว่า น้ำมันทอดฉินฮุ่ย ซึ่งก็เป็นการนำชื่อของ ฉินฮุ่ย ขุนนางกังฉินผู้ขายชาติมาตั้งเป็นชื่ออาหาร เพื่อถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังจดจำถึงผู้ทรยศต่อประเทศชาติ (ส่วนทางประเทศจีนภาคเหนือเขารับประทานปาท่องโก๋กันเป็นชิ้นใหญ่ยาว เรียกว่า โหยวเถียว

สำหรับหลุมศพของงักฮุย วีรบุรุษผู้รักชาติ ปัจจุบันก็ยังตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออก ริมทะเลสาบตะวันตก  ณ เมืองหางโจว โดยคนในรุ่นต่อๆ มาได้มีการปรับปรุงยกระดับให้มีฐานะเป็นศาลเจ้า ซึ่งก็เปรียบเสมือนว่ายกย่องให้งักฮุยกลายเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์องค์หนึ่งนั่นเอง

ณ วันนี้หากมีโอกาสได้เข้าไปเยือนศาลเจ้างักฮุยริมทะเลสาบซีหู ติดกับโรงแรมแชงกรีลา ก็จะพบกับรูปปั้นสูงตระหง่านของงักฮุย โดยด้านบนรูปปั้นเป็นลายมือของงักฮุยตวัดพู่กันอย่างมีพลังเป็นตัวอักษร 4 ตัวอ่านว่า

"เอาแผ่นดินของข้าคืนมา "

ขณะที่รูปปั้นของงักฮุย แสดงความองอาจ น่าเกรงขาม และเป็นที่ชื่นชมของบุคคลที่มาเยี่ยมเยือน ข้างหน้าหลุมศพของงักฮุยในเวลาต่อมาประชาชนก็ได้หล่อรูปโลหะขึ้นมา 4 รูป ประกอบไปด้วย คนขายชาติทั้ง 4 คือ ฉินฮุ่ย ภรรยาแซ่หวัง ม่อฉีเซี่ย และ จางจุ้น  นั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังอยู่หน้าหลุมศพ ไว้เป็นอุทาหรณ์แก่คนรุ่นหลัง

บทความดีๆจากพันทิพจ้า 
บันทึกการเข้า
kurudragon
AV Distributor
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2200



« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2010, 12:35:43 PM »

ขอบคุณอีกครั้งครับท่านรอง
บันทึกการเข้า

"สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อน พูดไม่ได้ แต่รู้สึกได้ด้วยใจ"
superyesped
AV Dedicator (VIP)
วุฒิสมาชิกเอวี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 496



« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2010, 12:11:20 AM »

ขอบคุณครับ

คนนี้ผมชอบมากมาย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  












AV Community Since 2009 : AVCollectors.com - Advertising please contact [email protected]