พฤษภาคม 23, 2024, 10:18:56 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: AVC เปิดเฟสและโซเชี่ยลใหม่ เพื่อนๆช่วยกดไลค์ติดตามด้วย
เวบเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว ท่านสามารถช่วยเหลือเวบได้โดยสมัคร VIP (ตลอดชีพ) อ่านคอมเมนท์จากผู้ใช้งานจริง ที่นี่
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: แนะนำภาพยนต์ครับ เรื่อง lovephobia  (อ่าน 3170 ครั้ง)
absurdtheatre
ผู้ชำนาญการเอวี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 109


« เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 09:34:06 PM »

เป็นภาพยนต์เกาหลีครับ
ส่วนเนื้อเรื่องนั้นเกี่ยวกับการพบกันอีกครั้งของหนุ่มสาวที่เคยรักกันในวัยเด็ก
หญิงสาวผู้ลึกลับ กับชายหนุ่มที่ยังฝังใจกับรักครั้งแรก
แนะนำครับ ถ้าดูจบแล้วจะรู้ว่าทำไมผมถึงแนะนำให้ดู เนื้อเรื่องค่อนข้างดี จะแอบงงๆไปบ้าง
พรีวิวหนังครับ
http://jkdramas.com/movies/korea/LovePhobia/index.htm

ดูจบแล้วมาคุยกันครับว่าคุณคิดอย่างไรกับชีวิตของนางเอก และพระเอก


ปลจุด ถ้ามีคนดูแล้วมาคอมเม้นต์แนะนำให้คนที่ยังไม่ดูอย่าเพิ่งอ่านคอมเม้นต์นะครับ เพราะมันไม่ใช่หนังรักธรรมดาแต่มีประเด็นมากๆ ซึ่งเฉลยซะเกือบท้ายเรื่อง...ถ้าอ่านล่ะก็สปอยด์แน่นอน
บันทึกการเข้า
absurdtheatre
ผู้ชำนาญการเอวี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 109


« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 09:53:03 PM »

เอาล่ะทีนี้ก็จะเป็น สปอยด์โซนแล้วนะครับ ถ้าอยากดูภาพยนต์เรื่องนี้อย่าสนุกแนะนำว่าอย่าเพิ่งอ่าน


คือผมไปอ่านกระทู้ที่พูดถึงเรื่องว่าเที่ยวผู้หญิงที่ไหนปลอดภัยกว่ากัน และได้อ่านกระทู้ใน pantip อันนี้น่ะครับที่ในกระทู้มีคนแนะนำให้อ่านซึ่งเกี่ยวกับโรคเอดส์ ผมเลยคิดถึงภาพยนต์เรื่องนี้ขึ้นมาว่า บางทีผู้ติดเชื้อhiv ก็มีชีวิตที่หดหู่เหมือนกันนะ
กล่าวคือถ้าเค้าจะมีชีวิตปกติก็เพราะกินยาตลอด สังคมก็รังเกียจ หรืออยากจะมีความรักท่านคิดว่าเขาหรือเธอจะทำอะไรได้นอกจากไม่บอกให้กับคนที่รักรู้
ท่านจะคิดอย่างไรถ้าวันหนึ่งคนรักของท่านมาบอกท่านว่าเค้าหรือเธอเป็นผู้ติดเชื้อ hiv ผมดูภาพยนต์เรื่องนี้แล้วอึ้งพระเอกมากเลยครับว่าเค้ารักของเค้าจริงๆ และนางเอกก็ดีแสนดีที่ถึงไม่บอกอะไรกับพระเอกว่าเธอเป็นผู้ติดเชื้อ แต่ก็ปกป้องพระเอกอย่างเต็มที่ แต่กระนั้นความรักก็ยากหักห้ามสำหรับนางเอกเอง

ผมอ่านเจอในกระทู้ pantip ที่ว่าคนมีเชื้อเพราะทำเรื่องผิดศีลธรรมมาบางทีมันก็ใช่ แต่มันก็ไม่ได้ทั้งหมด หรือถึงติดเชื้อเพราะเรื่องผิดศีลธรรมจริง มันก็ไม่ใช่เหตุผลอะไรที่จะไปรังเกียจกัน ควรจะรังเกียจที่พฤติกรรมผิดศีลธรรมตรงนั้นถ้าจะอ้างเหตุผลแบบนี้ ในคอมเม้นต์นี่บางอันถึงขั้นว่าถ้าจะมาจีบเอาใบตรวจโรคมาก่อนนะ ท่านคิดเห็นอย่างไรกับกรณีนี้กันครับเทียบกับกรณีในภาพยนต์เรื่องนี้ ว่าถ้ายาทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตปกติได้ เขาหรือเธอจะมีความรักซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตปกติได้ไหมเหมือนนางเอกในเรื่อง ซึ่งตัวนางเอกเองก็เลือกที่จะปกป้องพระเอกด้วยการหายตัวไปก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิดมันก็กลายเป็นว่าพอเป็นผู้ติดเชื้อแล้วต้องวิ่งหนีจากความรักของตนเพื่อคนที่ตนรัก น่าเศร้าจังครับ
ผู้ติดเชื้อ ชีวิตปกติ ความรัก คนรัก สังคม เหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่ผมว่าภาพยนต์เรื่องนี้วางเนื้อเรื่องได้ดีมากๆ และสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่ามันมีทางออกไหมสำหรับเรื่องพวกนี้ เหมือนที่ในภาพยนต์มีทางออกให้กับนางเอกที่กำลังจะตายจากไปเป็นการโดนมนุษย์ต่างดาวมารับไปซึ่งก็หลุดโลกมาก คล้ายกับว่ามันไม่มีทางออกสำหรับเรื่องพวกนี้จริงๆในสังคมปัจจุบัน(ทั้งเรื่องความตายและเรื่องการอยู่ในสังคม ซึ่งแม้ว่าพระเอกจะไม่รังเกียจนางเอกเลยแต่โรคนี้มันก็รักษาไม่หายอยู่ดี)เลยยกเอามนุษย์ต่างดาวมาเป็นทางออกของปัญหาเสียเลย ซึ่งน่าคิดว่าเป็นการเสียดสีสังคมปัจจุบันทั้งในเรื่องที่โรคนี้รักษาไม่หายและท่าทีของสังคมต่อผู้ติดเชื้อ และน่าคิดว่าตามต่อมาว่าในความเป็นจริงแล้วโลกนี้ก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกทีแต่ก็ยังไม่มียารักษาให้หายขาดซึ่งมันอาจเป็นใครก็ได้แม้ว่าจะพยายามป้องกันกันเป็นอย่างดี

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2011, 11:12:39 PM โดย absurdtheatre » บันทึกการเข้า
sompoat
AV Professor
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1473



« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 15, 2011, 05:15:38 PM »

เคยไปทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ติดเชื้อ Hiv/Aids มาพักนึง เค้าก็ปกติกันนะครับ ระวังตัวมาก ส่วนใหญ่จะคบหากันในกลุ่มเดียวกัน
ดูไม่ออกเลยว่าเป็นกลุ่มผู้ติดเเชื้อ

ส่วนมากเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ทำมาหากินตามปกติ มีความเข้มแข็งสูงมาก พยายามช่วยเหลือคนอื่นๆ เต็มที่ และที่สำคัญคือไม่พบคนที่มีปัญหาจากกลุ่มเสี่ยง เช่น พวกติดยา ค้าประเวณีหรือสำส่อนเลย

ส่วนมากจะติดจากเหตุบังเอิญ แต่ก็จะบอกตรงกันว่า ครอบครัวมีส่วนมาก สำคัญที่สุดด้วย ในการเสริมกำลังใจ
ทุกวันนี้ บางคนก็ยังติดต่อกับผมอยู่ พูดคุยกัน ไปเที่ยวกันบ้าง โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าเค้ามีสิทธิจะใช้ชีวิตตามปกติเช่นกันกับคนอื่นๆ ครับ
บันทึกการเข้า

absurdtheatre
ผู้ชำนาญการเอวี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 109


« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 15, 2011, 10:48:44 PM »

อ่า ที่อ่านกระทู้แล้วนึกถึงเรื่องนี้นี่สืบเนื่องมาจากกระทู้นี้อ่ะครับ
http://www.avcollectors.com/board/index.php?topic=61455.0

คุยกันไปหลายโพสก็มีลิงค์pantipมาแปะ อันที่ว่าข้างบนนั่นล่ะครับ
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9990186/L9990186.html
ลืมแปะไว้


บันทึกการเข้า
Aum
AV Distinctive (VIP)
ผู้บัญชาการเอวีสูงสุด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1902



« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 15, 2011, 11:02:30 PM »

ไอ้พวกที่รู้ตัวอยู่แล้วแต่ยังไปแต่งงาน ไปมีลุกกับเค้า โดยที่นำเชื้อไปติดเค้าโดยที่เค้าไม่รุ้ตัวไอ้พวกนี้แม่ง เห็นแก่ตัวและชั่วช้ามาก  ไม่รุ้อะไรเป้นอะไร  อ่านแล้วโมโห   เลวจริงๆทำยังกับเป็นโรคเบาหวาน แค่กินยาต้านก็พอ ไอ้สัตว์เมิงคิดได้ไง สงสารคู่รักที่เป็นเหยื่อไม่รู้ตัวจริงๆ  สงสารเด็กที่ต้องเกิดมา ไม่รู้เรื่องเรื่องอยุ่ดีๆ กูเป็นเอดส์เพราะมาจากพ่อหรือแม่ที่มันชั่วช้าอย่างนี้

การที่เราเป็นเอดส์นั้น มีความรักได้ครับ  เค้าคนนั้นก็ยังเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจ  แต่การที่เป็นแล้วไม่ยอมบุคคลที่รัก ทำให้เค้ามารักเราโดยที่ความรักของเราทำร้ายเค้าได้นั้น รักแบบนี้มันเห็นแก่ตัวครับ  ถ้าคุณรักเค้าจริง คุณต้องยอมรับตัวเองยอมรับความคิดของเค้า ให้เค้าเป็นคนตัดสินใจเอง   การไม่บอกอะไรเลย แล้วให้เค้ามารับชะตากรรมเดียวกับคุรแบบนี้ ผมว่า เห็นแก่ตัวไป  


อันนี้จากประสบการณ์ตรงจากแม่ผมที่เป็นพยาบาล เกี่ยวกับให้คำปรึกษาผู้ป่วยโรคเอดส์ ณโรงพยาบาลบำราศนราดูร  แม่ผมเคยเล่าว่ามีคนที่เป็นเอดส์นี่ล่ะได้มาพบกันเป็นคู่รักกัน ไปก้หลายคู่ แต่เค้าก็รู้อะไรเป็นอะไร  เค้าไม่พยายามมีลุก เพราะมันคือการทำบาปให้เด็กแต่SEXมันก้ขาดไม่ได้ในชีวิตคู่  เค้าจึงสวมถุงยาง  ทุกวันนี้คู่รักที่ได้รับคำปรึกษาจากแม่ผม ไป ยังส่งขนมนมเนยมาเยี่ยม และขอบคุณแม่ผมมาตลอด  ที่ได้ให้คำแนะนำ ไป 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2011, 11:15:06 PM โดย Aum » บันทึกการเข้า
absurdtheatre
ผู้ชำนาญการเอวี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 109


« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 03:47:33 AM »

เห็นด้วยครับว่ารักแบบนั้นมันเห็นแก่ตัวอ่านแล้วก็หดหู่ใจมาก ครับแต่เหมือนในเรื่องคือความรักมันก่อตัวขึ้นโดยไม่ทันให้นางเอกได้บอกอะไรด้วยซ้ำแล้วก็เลือกที่จะหายตัวไปหลายต่อหลายปีในทันทีที่ความรักเกิดขึ้น เช่นนั้นครับความรักมันยากจะหักห้ามใจ เส้นกั้นของการบอกกับไม่บอกมันหนักหนามาก กระทั่งนางเอกก็ปกป้องพระเอกเป็นอย่างดีคือไม่มีสัมพันธ์อะไรทางกายด้วยเลยแล้วหายตัวไปอีกครั้งจนพระเอกก็ทนไม่ได้แล้วกับความรักที่เกิดขึ้นมานานแล้วและรอตลอดมาเช่นกันจนไปตามหาแล้วรู้ความจริง มาถึงตรงนี้ผมคิดเหมือนกันว่าเค้ามีความรักได้ แต่ความรักสำหรับกรณีแบบนี้ก็ดูเหมือนว่าไม่มีทางออก

ในเมื่อการบอกมันมีเส้นกั้นที่หนักหนาจริงๆ มันคงไม่ใช่เรื่องที่ผู้ป่วยเช่นนางเอกจะเที่ยวบอกคนที่รู้จักทุกคนว่าตนเองเป็นผู้ติดเชื้อ และขณะเมื่อความรักมันก่อขึ้นแล้วถ้าจะปกป้องกันก็ต้องตัดใจ หรือบอกไปแล้วดูว่าเค้ายินยอมที่จะรับมันได้ไหมแต่ก็จะเป็นการทำร้ายกันอยู่ดีถ้ามันเกิดอะไรเกินเลย(ก็ต้องหักห้ามใจอ) และในการบอกมีความเสี่ยงเสมอที่คนที่ตนรักนั้นจะเกิดอาการรังเกียจกันขึ้นมาซึ่งคงเป็นเรื่องเศร้ามากถ้าโดนรังเกียจโดยคนที่ตนรัก(ถ้าแค่กลายเป็นความรักที่ไม่สมหวังที่ยังมองหน้ากันติดมันก็ยังไม่เลวร้ายนัก)
 
เผอิญว่าคนในกระทู้ที่เข้าไปอ่านเค้าเลือกที่จะไม่ปกป้องกัน มันก็เลยเป็นบทสรุปที่ชวนหดหู่ แต่ผมว่าการปกป้องกันถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องก็น่าเศร้าอยู่ดีนะครับเหมือนที่นางเอกต้องห่างหายไปจากพระเอกอยู่หลายปี จนใกล้ตายแล้วนั่นล่ะถึงอยากเห็นหน้าพระเอกเป็นครั้งสุดท้าย(ซึ่งทางออกในการปกป้องอาจไม่ใช่แบบนี้ อาจเป็นการบอกเพื่อปกป้องแทนตั้งแต่ต้นก็ได้) ยังไงไม่รู้ล่ะครับถึงจะมีทางออกจากปัญหาเสมอแต่กว่าจะไปถึงทางออกนั้นในกรณีนี้มันดูน่าอึดอัดใจไปหมดเลย(ความรักที่ผมพูดถึงเป็นเชิงsexชอบกลแฮะ แต่แอบคิดว่าความรักในหนุ่มสาวมักจะผสมความปรารถนาทางเพศมาด้วยและแยกกันได้ยากอยู่แล้วหรือเปล่า)
จริงๆถ้าแค่หนังที่ตอนนั้นดูจบก็ไม่ได้อะไรมาก แต่พออ่านกระทู้นั้นแล้วผมสะเทือนใจมากๆเลยทั้งหนังทั้งกระทู้
บันทึกการเข้า
super
โอตาคุกิติมศักดิ์
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 242



« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 10:29:45 AM »

ก็มองกันได้หลายมุมครับแต่ถ้าคุณรู้ว่าคู่ของคุณมีเชื้อคุณจะสานความสัมพันธุ์จนเลยเถิดมั้ย
บันทึกการเข้า
absurdtheatre
ผู้ชำนาญการเอวี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 109


« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 01:59:20 PM »

ถ้ารู้ก็เป็นเรื่องน่าคิดนะครับว่าตอนนั้นจะทำอย่างไร แต่ถ้าไม่รู้นี่ก็คงได้แต่ป้องกันล่ะครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  












AV Community Since 2009 : AVCollectors.com - Advertising please contact [email protected]